ทิศทางอัตราเงินเฟ้อของไทยยังคงชะลอลงต่อเนื่องในเดือนก.ย. 2556 โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 4 ปีที่ 1.42% (YoY) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งต่ำลงจากระดับ 1.59% (YoY) ในเดือนส.ค. 2556 ขณะที่ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานชะลอลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปีก่อน (10 เดือนติดต่อกัน) มาอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 41 เดือน ที่ 0.61% ในเดือนก.ย. 2556 เทียบกับ 0.75% (YoY) ในเดือนส.ค. 2556 ทั้งนี้ ดัชนีราคาสินค้าผู้บริโภคเดือนก.ย. 2556 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 0.16% (MoM) โดยผลของการปรับขึ้นค่าผ่านทางพิเศษ ค่าไฟฟ้า Ft และราคาก๊าซ LPG ครัวเรือน (ที่เริ่มขยับขึ้นเป็นเดือนแรก) อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินไว้
- เทศกาลกินเจ และสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ในขณะนี้ อาจทำให้ราคาสินค้าในกลุ่มอาหารสด โดยเฉพาะผัก/ผลไม้ มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นในเดือนต.ค. 2556 ซึ่งน่าจะหนุนให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปขยับขึ้นไปที่ระดับ 1.5-1.6% (YoY) ซึ่งสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อในเดือนก.ย. 2556 ที่ 1.42% (YoY) เล็กน้อย อย่างไรก็ดี ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยังคงมุมมองเดิมว่า การปรับเพิ่มขึ้นของระดับราคาสินค้าอุปโภคบริโภคน่าจะยังคงเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามทิศทางการใช้จ่ายอย่างระมัดระวังของภาคครัวเรือน นอกจากนี้ การต่ออายุมาตรการดูแลค่าครองชีพประชาชนด้านการเดินทาง ทั้งรถเมล์และรถไฟฟรี ก็จะทำให้ราคาค่าบริการในส่วนนี้อยู่ในระดับทรงตัวไปจนถึงปลายไตรมาส 1/2557 แต่กระนั้น ราคาพลังงานในประเทศบางชนิดที่จะต้องขยับขึ้นตามแผนการปรับโครงสร้างราคาและทิศทางราคาในตลาดโลกนั้น อาจทำให้เงินเฟ้อในช่วงที่เหลือของปียังคงมีแรงหนุนในลักษณะเดือนต่อเดือนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ค่าเฉลี่ยของอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2556 น่าจะขยับขึ้นเข้าใกล้ระดับ 2.0% (YoY) จากระดับ 1.7% (YoY) ในไตรมาสที่ 3/2556
- ทั้งนี้ การส่งผ่านภาระต้นทุนมาที่ราคาสินค้าผู้บริโภคที่น้อยกว่าที่คาดในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ทำให้มีความเป็นไปได้ที่อัตราเงินเฟ้อในภาพรวมปี 2556 จะโน้มเอียงเข้าใกล้กรอบล่างของประมาณการของศูนย์วิจัยกสิกรไทย ซึ่งอยู่ที่ 2.1-2.5% สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไป และ 0.8-1.2% สำหรับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น