ทิศทางเครื่องชี้เศรษฐกิจไทยล่าสุดในเดือนก.ย. 2556 สะท้อนว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของไทยในหลายภาคส่วน ยังไม่สามารถประคองตัวกลับสู่เส้นทางการฟื้นตัวได้อย่างมั่นคงนัก โดยการส่งออก การผลิตภาคอุตสาหกรรม ผลผลิตภาคการเกษตร และการบริโภคภาคเอกชน หดตัวลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า (MoM) ร้อยละ 5.5 ร้อยละ 2.5 ร้อยละ 2.3 และร้อยละ 1.3 ตามลำดับ ขณะที่ การลงทุนภาคเอกชนทรงตัวต่อเนื่องเมื่อเทียบกับระดับในเดือนก่อนหน้า ท่ามกลางหลายตัวแปรที่กดดันบรรยากาศการใช้จ่ายของภาคเอกชน ทั้งความกังวลต่อภาระค่าครองชีพ/หนี้ครัวเรือน ภาวะอุทกภัย ทิศทางเศรษฐกิจโลก รวมถึงสถานการณ์การเมืองในประเทศ
-
สัญญาณความซบเซาของการบริโภคภาคเอกชนเดือนก.ย. 2556 สะท้อนจากการหดตัวลงของการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (-19.4% YoY) และมูลค่าการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภค (-3.4% YoY) ขณะที่ เครื่องชี้สำคัญในด้านการลงทุนภาคเอกชน อาทิ การนำเข้าสินค้าทุน (-10.9% YoY) และปริมาณจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ (-26.1% YoY) ก็ยังคงหดตัวเป็นเวลาหลายเดือนติดต่อกัน
-
สถานการณ์การผลิตภาคอุตสาหกรรมของไทย (-2.9% YoY) หดตัวเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน ขณะที่ การฟื้นตัวกลับมาของปริมาณการส่งออกสินค้าเกษตรสำคัญบางตัว (อาทิ ข้าว ยาง มันสำปะหลัง) รวมถึงการส่งออกสิ่งทอ อิเล็กทรอนิกส์ และยานยนต์ที่สามารถรักษาทิศทางการขยายตัวไว้ได้อย่างต่อเนื่องนั้น ไม่สามารถหนุนภาพรวมของการส่งออกไทยที่พลิกกลับมาหดตัวลงอีกครั้ง (-6.3% YoY)
สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจไทยนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ความอ่อนแอของการส่งออก การผลิตภาคอุตสาหกรรม การใช้จ่ายของภาคเอกชน และการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ (ในช่วงต้นๆ ไตรมาส) น่าจะทำให้อัตราการขยายตัวของจีดีพีประจำไตรมาส 3/2556 อยู่ที่ประมาณร้อยละ 3.6 (YoY) ขณะที่ พัฒนาการเศรษฐกิจสหรัฐฯ และจีน รวมถึงเหตุการณ์ความเคลื่อนไหวทางการเมืองในประเทศ เป็นตัวแปรที่มีนัยสำคัญต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจของไทยในช่วงปลายปี และตัวเลขประมาณการทั้งปี 2556 ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 3.7 ในขณะนี้
หากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกทยอยมีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และภาครัฐสามารถเดินหน้าแผนการใช้จ่ายได้ตามเป้าที่วางไว้แล้ว ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2557 อาจสามารถขยายตัวได้ในกรอบประมาณร้อยละ 4.0-5.0
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น