เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพ.ร.บ.การรับมรดก พ.ศ.... โดยสาระสำคัญเบื้องต้น ได้แก่ การเรียกเก็บภาษีจากการรับมรดกสำหรับทรัพย์สินที่ขึ้นทะเบียนที่มีมูลค่าตั้งแต่ 50 ล้านบาทขึ้นไป โดยมีเพดานอัตราภาษีสูงสุดที่ 10% ซึ่งในลำดับถัดไปจะเข้าสู่ขั้นตอนการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อออกเป็นกฎหมาย โดยอาจเสร็จสิ้นภายในไตรมาส 1/2558 และสามารถจัดเก็บภาษีได้ภายในช่วงครึ่งหลังของปี 2558
ซึ่งจากการเปรียบเทียบภาษีมรดกของไทยกับภาษีมรดกของนานาประเทศแล้ว อาจสรุปได้ว่า แนวทางการจัดเก็บภาษีมรดกของทางการไทยที่ได้รับการเปิดเผยจนถึงในปัจจุบันเป็นไปในลักษณะที่ใกล้เคียงกับการจัดเก็บภาษีมรดกของประเทศอื่นๆ อีกทั้งยังมีลักษณะที่ค่อนข้างยืดหยุ่นและผ่อนคลายกว่าหลายประเทศ โดยเฉพาะในประเด็นอัตราภาษีมรดกที่อยู่ในระดับไม่สูงนัก อีกทั้งมูลค่าทรัพย์สินที่ได้รับการยกเว้นภาษีมรดกยังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงทิ้งห่างประเทศอื่นๆ ซึ่งมีสัดส่วนน้อยกว่า 100 เท่าของรายได้ต่อหัวของประชากร
|
ไทย
|
สหรัฐฯ
|
สหราชอาณาจักร
|
ญี่ปุ่น
|
เกาหลีใต้
|
ฟิลิปปินส์
|
สิงคโปร์
|
ประเภทภาษีมรดก
|
ผู้ได้รับมรดก
|
กองมรดก
|
กองมรดก
|
ผู้ได้รับมรดก
|
ผู้ได้รับมรดก
|
กองมรดก
|
กองมรดก
|
อัตราภาษีมรดก
|
สูงสุด 10%
|
18 - 40%
|
40%
|
10 - 55%
|
10 - 50%
|
5 - 20%
|
5 - 10%
|
มูลค่าทรัพย์สินที่ได้รับการยกเว้นภาษี
|
50 ล้านบาท
|
5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
|
325,000 ปอนด์
|
50 ล้านเยน
|
200 ล้านวอน
|
200,000 เปโซฟิลิปปินส์
|
600,000 ดอลลาร์สิงคโปร์
|
- เทียบกับรายได้ต่อหัวของประชากร
|
286.8 เท่า
|
94.1 เท่า
|
12.9 เท่า
|
13.3 เท่า
|
7.0 เท่า
|
1.7 เท่า
|
8.7 เท่า
|
โดยการเห็นชอบร่างกฎหมายภาษีมรดกของครม.ในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์ไทยที่รัฐบาลดำเนินการร่างกฎหมายภาษีมรดกอย่างเป็นรูปธรรม และกำหนดกรอบเวลาการบังคับใช้กฎหมายอย่างชัดเจน เพื่อเป้าประสงค์ในการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม อย่างไรก็ดี การแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำของสังคมไทยในภาพรวมนั้นยังต้องอาศัยการดำเนินการปฏิรูปด้านอื่นๆ เพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มโอกาสทางการศึกษา โอกาสในการทำงาน ตลอดจนโอกาสในการเข้าถึงสถาบันการเงิน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นประเด็นท้าทายสำคัญของภาครัฐในการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมไทยในระยะยาว
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น