ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้ทำการสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของคนกรุงเทพฯ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2558 พบประเด็นสำคัญที่น่าสนใจว่า จากสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความสงบมากขึ้น ประกอบกับการประกาศให้มีวันหยุดราชการในช่วงเทศกาลปีใหม่ยาวติดต่อกันถึง 5 วัน ในขณะที่บางส่วนอาจจะลาหยุดยาวติดต่อกันถึง 9 วันนั้น น่าจะช่วยเรียกบรรยากาศเฉลิมฉลองปีใหม่ 2558 ของคนกรุงเทพฯ ให้กลับมาคึกคักได้ และถึงแม้ว่าปัจจัยทางด้านค่าครองชีพจะยังคงสร้างความกังวลให้กับคนกรุงเทพฯ แต่จากการสำรวจกลับพบว่า คนที่พำนักอาศัยในกรุงเทพฯ กว่าร้อยละ 76.0 ของผู้ที่ตอบแบบสอบถามทั้งหมด ยังคงมีการทำกิจกรรมเฉลิมฉลองปีใหม่ 2558 นี้ แต่อาจจะมีการวางแผนการใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า เม็ดเงินค่าใช้จ่ายในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2558 ของคนกรุงเทพฯ จะสะพัดไม่ต่ำกว่า 25,000 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 8.2 (YoY) หรือชะลอตัวลงเล็กน้อยจากปีก่อนหน้าที่ขยายตัวที่ร้อยละ 8.5 โดยแยกเป็นค่าใช้จ่ายอาหารและเครื่องดื่ม 8,300 ล้านบาท รองลงมาคือ ท่องเที่ยว (เฉพาะค่าที่พักและค่าเดินทาง) 6,000 ล้านบาท การให้เงินพ่อแม่/พี่น้องเป็นของขวัญปีใหม่ 4,700 ล้านบาท ซื้อของขวัญ/ของฝาก 3,600 ล้านบาท และทำบุญ/ไหว้พระ 2,400 ล้านบาท ตามลำดับ โดยในปีนี้ค่าใช้จ่ายที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่จะตกอยู่ที่ค่าอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงค่าท่องเที่ยว (เฉพาะที่พักและค่าเดินทาง) ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการเลือกซื้อของขวัญ/ของฝาก กลับกลายเป็นค่าใช้จ่ายที่คนกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่เลือกที่จะวางแผนการใช้จ่ายอย่างประหยัด อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจคนกรุงเทพฯ พบว่า กลยุทธ์การตลาดทางด้านราคายังมีบทบาทสำคัญต่อการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้า ดังนั้น หากผู้ประกอบการมุ่งจะช่วงชิงกำลังซื้อในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ การให้ความสำคัญกับกลยุทธ์การลดราคา น่าจะมีส่วนจูงใจกระตุ้นให้คนกรุงเทพฯ หันมาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น