เทศกาลตรุษจีน ถือเป็นช่วงที่คนไทยเชื้อสายจีนในประเทศไทยต่างออกมาจับจ่ายและช่วยสร้างเม็ดเงินเข้าสู่ภาคธุรกิจต่างๆ ซึ่งแม้ว่าในปีนี้คนไทยเชื้อสายจีนจะยังให้ความสำคัญกับเทศกาลตรุษจีน แต่ส่วนใหญ่ยังคงประหยัดและระมัดระวังการใช้จ่าย ท่ามกลางปัจจัยจากหนี้ภาคครัวเรือนและค่าครองชีพที่ยังคงอยู่ในระดับสูง เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลง ยังส่งผ่านไปถึงราคาสินค้าอุปโภคบริโภคได้ไม่ทั่วถึง โดยเฉพาะสินค้าจำเป็นกับการครองชีพ ประกอบกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังไม่ชัดเจน
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า การจับจ่ายเพื่อการเซ่นไหว้ในช่วงเทศกาลตรุษจีนของคนกรุงเทพฯปี 2558 จะมีเม็ดเงินประมาณ 6,000 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 3.5 ใกล้เคียงกับตรุษจีนปีก่อน โดยในปีนี้ผู้ซื้อเครื่องเซ่นไหว้ส่วนใหญ่ใช้งบประมาณ 3,750 บาทต่อครัวเรือน เทียบกับ 3,590 บาทต่อครัวเรือนในปีที่ผ่านมา
หากพิจารณาถึงราคาเครื่องเซ่นไหว้ในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้ คาดว่าน่าจะไม่แตกต่างจากปีที่ผ่านมามากนัก สำหรับช่องทางการเลือกซื้อสินค้าเครื่องเซ่นไหว้ที่ได้รับความนิยมมากสุดคือตลาดสดใกล้บ้าน ขณะที่ร้านค้าปลีกสมัยใหม่เป็นทางเลือกที่คนกรุงเทพฯ ให้ความนิยมในการเลือกซื้อเครื่องเซ่นไหว้มากขึ้น เนื่องจากตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ทั้งความสะดวกจากที่จอดรถและประเภทสินค้าเครื่องเซ่นไหว้ที่รวมอยู่ในที่เดียว
นอกจากกิจกรรมการเซ่นไหว้แล้ว กลุ่มคนไทยเชื้อสายจีนยังนิยมทำบุญไหว้พระ เยี่ยมญาติ และพักผ่อน รวมไปถึงการแจกอั่งเปา ดังนั้น แม้จะเป็นช่วงระยะสั้นๆ แต่เทศกาลตรุษจีนก็นับเป็นจังหวะในการนำเสนอกิจกรรมส่งเสริมการตลาดด้วยงบประมาณที่เหมาะสมของภาคธุรกิจเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของภาคประชาชน ในขณะที่กลุ่มลูกหลานชาวจีนรวมทั้งพนักงานลูกจ้างบริษัทที่ได้รับอั่งเปา ถือเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อที่พร้อมจ่ายสูงกว่ากลุ่มอื่นๆ จึงน่าจะเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ผู้ประกอบการผลิตสินค้าและบริการควรให้ความสำคัญ โดยเฉพาะห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร ร้านจำหน่ายเสื้อผ้าหรืออุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและการสื่อสาร เป็นต้น
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น