เทศกาลสงกรานต์ ถือเป็นเทศกาลที่คนกรุงเทพฯ ให้ความสำคัญมากเป็นอันดับ 1 โดยกลุ่มคนที่ให้ความสำคัญมากที่สุดคือ กลุ่มที่มีภูมิลำเนาในต่างจังหวัดที่เข้ามาทำงานประกอบอาชีพในกรุงเทพฯ ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า เม็ดเงินสะพัดสำหรับการจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ของคนกรุงเทพฯ ปี 2558 จะอยู่ที่ประมาณ 22,800 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 3.6 (YoY) ซึ่งกลับมาขยายตัวอีกครั้ง หลังจากที่ในปี 2557 ถูกกระทบจากสถานการณ์การชุมนุมทางการเมือง แบ่งเป็นค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงสังสรรค์ (อาหารและเครื่องดื่ม) 11,500 ล้านบาท ช็อปปิ้ง 4,600 ล้านบาท ค่าที่พัก/เดินทาง 3,100 ล้านบาท ทำบุญไหว้พระ 3,100 ล้านบาท และกิจกรรมอื่นๆ อาทิ ดูหนัง/ฟังเพลง ซื้ออุปกรณ์เล่นน้ำ 500 ล้านบาท โดยราคาน้ำมันในประเทศที่ลดลงจากปีก่อนเกือบร้อยละ 30 ช่วยประหยัดค่าเดินทางของคนกรุงเทพฯ ในช่วงสงกรานต์ปีนี้ได้ราวร้อยละ 10-15 จากปีก่อน ทำให้คนกรุงเทพฯ กว่าร้อยละ 52 เลือกที่จะขับรถส่วนตัวกลับบ้าน หรือเที่ยวต่างจังหวัด
สำหรับปีนี้ หากวิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลต่อการจับจ่ายใช้สอยของคนกรุงฯ จะพบว่า ความไม่สะดวกในการเดินทาง นำมาเป็นอันดับ 1 เนื่องจากในช่วงเทศกาลสงกรานต์ส่วนใหญ่มักจะพบปัญหาเกี่ยวกับการจราจรที่หนาแน่น ตั๋วโดยสารที่ไม่เพียงพอ ซึ่งทำให้คนที่ต้องการกลับบ้าน หรือท่องเที่ยวในต่างจังหวัด มีความกังวลพอสมควรในเรื่องของการวางแผนการเดินทาง รองลงมาคือ ภาวะเศรษฐกิจและค่าครองชีพ เช่นเดียวกับปีก่อนๆ นอกจากนี้ จากผลการสำรวจยังพบว่า คนกรุงเทพฯ เลือกพักผ่อนและทำกิจกรรมในกรุงเทพฯ ;ลดลง” และหันมาทำกิจกรรมในต่างหวัด ;เพิ่มขึ้น” ขณะที่สัดส่วนการเดินทางกลับบ้านต่างจังหวัดใกล้เคียงกับปีที่แล้ว โดยกิจกรรมที่ได้รับความนิยมในช่วงสงกรานต์มากที่สุด ยังอยู่ในส่วนของการเลี้ยงสังสรรค์ในกลุ่มครอบครัวและเพื่อนฝูง
อย่างไรก็ดี การที่คนกรุงเทพฯ ให้ความสำคัญกับเทศกาลสงกรานต์มากที่สุดเป็นอันดับ 1 นั้น มีความเป็นไปได้ว่าการจัดสรรงบประมาณการตลาดในช่วงนี้ของบรรดาธุรกิจต่างๆ น่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายให้กับธุรกิจได้พอสมควร ทั้งนี้ นอกจากกิจกรรมการ ;ลดแลกแจกแถม” ที่ยังคงมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่องแล้ว การปรับกลยุทธ์ทางการตลาดรูปแบบใหม่ให้สอดรับกับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ก็อาจจะช่วยสร้างบรรยากาศการจับจ่ายได้ดีขึ้น อาทิ การจัดโซนถ่ายรูปภายในร้าน เพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้า ซึ่งกิจกรรมนี้ค่อนข้างได้รับความนิยมสูงในหมู่วัยรุ่นวัยทำงานที่ต้องการแชร์ภาพถ่ายแก่เพื่อนฝูงใน Social Media
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น