แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อของผู้บริโภคยังคงอ่อนแรง แต่คนกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่ยังมีการเตรียมจัดสรรงบประมาณในส่วนนี้เอาไว้ และให้ความสำคัญกับตัวบุคคลและของขวัญที่จะมอบให้มากขึ้น อีกทั้งบางส่วนยังได้รับค่าตอบแทน (โบนัส) จากที่ทำงานบางแห่งในช่วงสิ้นปี ทำให้คาดว่า ภาพของตลาดของขวัญในช่วงเทศกาลปีใหม่ปีนี้จะยังขยายตัวได้ และไม่ได้เลวร้ายมากนักเมื่อเทียบกับปีก่อนๆ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า การจับจ่ายใช้สอยเพื่อซื้อของขวัญ/ของฝากของคนกรุงเทพฯ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2559 น่าจะมีมูลค่า 9,000 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 5.0 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แบ่งเป็นมูลค่าตลาดที่มาจากกลุ่มลูกค้าองค์กรประมาณ 5,400 ล้านบาท และมาจากกลุ่มลูกค้าทั่วไปประมาณ 3,600 ล้านบาท
ทั้งนี้ กลุ่มลูกค้าองค์กร เป็นกลุ่มที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเม็ดเงินในตลาด (เพราะมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 60 ของมูลค่าตลาดของขวัญ/ของฝากทั้งหมด) โดยในปีนี้การจัดสรรงบประมาณเพื่อการซื้อของขวัญของกลุ่มองค์กรจะให้ความสำคัญกับการคัดกรองลูกค้าเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น รวมถึงของขวัญที่จะมอบให้ด้วย ดังนั้น การทำตลาดเจาะกลุ่มลูกค้าองค์กร ผู้ประกอบการที่เป็นผู้ผลิตสินค้าแบบ Made to Order ควรเน้นพัฒนาสินค้าที่มีคุณภาพ ชูความมีเอกลักษณ์ สนับสนุนการสร้างแบรนด์ให้กับลูกค้าองค์กร ส่วนผู้ประกอบการอีกส่วนหนึ่งซึ่งเป็นกลุ่มค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) อาทิ ห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต ไฮเปอร์มาร์เก็ตที่จับตลาดกลุ่มนี้ อาจจะนำเสนอสินค้าพรีเมียมและเพิ่มการให้บริการที่สะดวกและครบวงจรแก่ลูกค้ากลุ่มนี้เพิ่มมากขึ้น
ส่วนกลุ่มลูกค้าทั่วไป เทรนด์ที่ยังคงมาแรงในปีนี้ คือ สินค้าที่ชูความคุ้มค่าคุ้มราคา รองลงมาคือ สินค้าสุขภาพ ดังนั้น กลยุทธ์ที่ผู้ประกอบการโดยเฉพาะกลุ่มค้าปลีกสมัยใหม่สามารถนำมาช่วยกระตุ้นยอดขายได้ดีก็คือ การทำการตลาดผ่านกลยุทธ์ด้านราคาที่ชูความคุ้มค่า ควบคู่ไปกับการชูจุดขายด้านการออกแบบสินค้าและแพคเกจจิ้ง หรือนำเสนอความแปลกใหม่ของสินค้า ซึ่งน่าจะดึงความสนใจของลูกค้าให้เข้ามาเลือกซื้อได้
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น