หลังจากที่ความเชื่อมั่นทั้งในส่วนของภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจถูกกระตุกขึ้นโดยมาตรการสนับสนุนเศรษฐกิจที่ภาครัฐทยอยประกาศออกมาหลายชุดในช่วงนับถอยหลังเข้าสู่โค้งสุดท้ายของปี สัญญาณล่าสุดจากเครื่องชี้การใช้จ่ายภาคเอกชนก็ช่วยสะท้อนภาพด้านบวกที่ชัดเจนขึ้นตามมา ซึ่งทำให้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า กิจกรรมเศรษฐกิจภายในประเทศในช่วงไตรมาสที่ 4/2558 ทั้งในส่วนของการเร่งผลักดันเม็ดเงินใช้จ่ายและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ การจับจ่ายใช้สอยของภาคเอกชน ตลอดจนความคึกคักของภาคการท่องเที่ยวรับเทศกาลปีใหม่ น่าจะช่วยลดทอนภาพลบที่เกิดขึ้นในภาคการส่งออก และทำให้เศรษฐกิจไทยยังคงประคองโมเมนตัมการฟื้นตัวไว้ได้อย่างต่อเนื่องจนจบปี โดยคาดว่า ภาพรวมของเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 4/2558 น่าจะขยายตัวดีขึ้นมาที่ร้อยละ 1.2 (QoQ, s.a.) เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ขยับขึ้นจากไตรมาส 3/2558 ที่ขยายตัวร้อยละ 1.0 (QoQ, s.a.)
สำหรับภาพรวมทั้งปี 2558 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2558 อาจขยายตัวที่ร้อยละ 2.8 ซึ่งแม้จะเป็นระดับที่ดีขึ้นกว่าร้อยละ 0.9 ในปี 2557 แต่คงต้องยอมรับกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจในแต่ละภาคส่วน ยังคงไม่สามารถฟื้นตัวกลับมาทำงานได้เป็นปกติ โดยเฉพาะภาคการส่งออกและรายได้เกษตรกรที่เผชิญแรงกดดันตลอดทั้งปี และน่าจะยังต้องรับมือกับสถานการณ์ที่ท้าทายต่อในปี 2559
สำหรับในปี 2559 เศรษฐกิจไทยน่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้น และอาจขยายตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ 3.0 (กรอบประมาณการที่ร้อยละ 2.5-3.5) โดยภาครัฐจะยังคงมีบทบาทสำคัญในการผลักดันเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ภาคเอกชน อย่างไรก็ดี ตัวแปรอื่นๆ ที่คาดว่า จะส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจ ยังมีความไม่แน่นอน โดยเฉพาะความเปราะบางของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก ตลอดจนสถานการณ์ภัยแล้งในประเทศ ซึ่งทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยยังคงมีมุมมองอย่างระมัดระวังในการประเมินภาพการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคส่วนต่างๆ ในปี 2559 ที่กำลังจะมาถึง
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น