บรรยากาศในการจับจ่ายใช้สอยของคนกรุงเทพฯ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2560 อาจจะไม่คึกคักมากนัก เนื่องจากยังคงกังวลในเรื่องของค่าครองชีพ ความไม่สะดวกในการเดินทาง สภาพอากาศที่ร้อนและไม่มีมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐเช่นเดียวกับปีก่อน จึงทำให้ยังคงระมัดระวังการใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง และมีการปรับพฤติกรรมให้สอดรับกับกำลังซื้อในปัจจุบัน เช่น ลดการกินเลี้ยงสังสรรค์รื่นเริง ลดการซื้อของขวัญหรือช็อปปิ้ง และหันมาพักผ่อนหรือทำกิจกรรมอยู่กับบ้านมากขึ้น อาทิ ดูหนัง/ ดูทีวี เล่น Social Media ติดตามความเคลื่อนไหวในโลกออนไลน์ รวมถึงการสั่งอาหารและเครื่องดื่มเดลิเวอรี่มารับประทานภายในบ้าน
พฤติกรรมของผู้บริโภคในลักษณะนี้ อาจทำให้ธุรกิจที่ตอบโจทย์แนวทางการใช้ชีวิตของคนกรุงเทพฯ มีโอกาสทำตลาดหรือเพิ่มยอดขายในช่วงสงกรานต์ปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ ธุรกิจบันเทิงออนไลน์ รวมถึงธุรกิจบริการจัดส่งอาหารเดลิเวอรี่ เป็นต้น ในขณะที่ธุรกิจเดิม เช่น ร้านอาหาร ธุรกิจค้าปลีก ปั๊มน้ำมัน/ แก๊ส และท่องเที่ยว อาจจะต้องปรับรูปแบบการทำตลาดและเตรียมความพร้อมของธุรกิจให้สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันมากขึ้น เช่น การจัดกิจกรรมทางการตลาดผ่านกลยุทธ์ลด แลก แจก แถม การเลือกช่องทางในการสื่อสารไปยังผู้บริโภคเป้าหมายให้ได้มากที่สุด รวมถึงสร้างการรับรู้แบรนด์ ผ่านคอนเทนต์ที่ดึงดูดความสนใจ เป็นต้น ก็น่าจะดึงกำลังซื้อของคนกรุงเทพฯ ให้ออกมาใช้จ่ายในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้และในระยะถัดไปได้
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2560 คนกรุงเทพฯ มีการจับจ่ายใช้สอยคิดเป็นเม็ดเงิน 23,000 ล้านบาท[1] ทรงตัวเมื่อเทียบกับช่วงสงกรานต์ปีที่แล้ว แยกเป็นค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงสังสรรค์ (อาหารและเครื่องดื่ม) 8,800 ล้านบาท ค่าที่พัก/เดินทาง 5,800 ล้านบาท ช็อปปิ้ง 4,400 ล้านบาท ทำบุญไหว้พระ 2,000 ล้านบาท และกิจกรรมอื่นๆ อาทิ ค่าเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ / ดูหนังฟังเพลง/ เล่นน้ำสงกรานต์ 2,000 ล้านบาท
[1] คนกรุงเทพฯ หมายถึง ประชาชนที่พำนักอาศัยในกรุงเทพฯ และค่าใช้จ่ายนี้ไม่นับรวมค่าท่องเที่ยวต่างประเทศ
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น