ในปี 2549 ที่ผ่านมามีแรงงานไทยเดินทางออกไปทำงานในต่างประเทศเป็นจำนวนถึง 160,846 คน เพิ่มขึ้นจากปี 2548 ร้อยละ 15.2 โดยจุดหมายปลายทางส่วนใหญ่จะมุ่งไปยังประเทศที่มีเศรษฐกิจขยายตัวสูงและประเทศขาดแคลนแรงงานเป็นจำนวนมาก
ประเทศสิงคโปร์ ถือได้ว่าเป็นจุดหมายปลายทางหนึ่งของแรงงานไทยที่น่าจับตามอง เนื่องจากในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา(พ.ศ.2540-2549) มีแรงงานไทยเดินทางไปทำงานที่ประเทศสิงคโปร์มากกว่าปีละ 1 หมื่นคน
นอกจากนั้นในปี 2549 ยังมีแรงงานไทยเดินทางไปทำงานที่ประเทศสิงคโปร์เป็นจำนวนมากถึง 15,115 คน ซึ่งจัดอยู่ในอันดับที่ 3 ของจำนวนแรงงานไทยที่เดินทางออกไปทำงานทั่วโลก รองจากประเทศเกาหลีใต้ ที่แรงงานไทยเดินทางไปมากเป็นอันดับที่ 2 และไต้หวันที่แรงงานไทยเดินทางไปทำงานมากเป็นอันดับที่ 1 ตามลำดับ
โดยช่วงระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา(พ.ศ. 2540-2549) จำนวนแรงงานต่างด้าวที่เดินทางเข้าไปทำงานในประเทศสิงคโปร์คิดเป็นสัดส่วนเฉลี่ยสูงถึงร้อยละ 30.3 ของการจ้างงาน(Employment) ทั้งหมด ขณะที่แรงงานชาวสิงคโปร์มีสัดส่วนในการทำงานประมาณร้อยละ 69.7 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจของประเทศสิงคโปร์ต้องพึ่งพาแรงงานต่างด้าวในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก
ในด้านการแข่งขันของแรงงานต่างด้าวจากประเทศอื่นๆกับแรงงานไทยในประเทศสิงคโปร์ พบได้ว่าคู่แข่งที่สำคัญของแรงงานไทย ได้แก่ แรงงานจากประเทศอินเดีย บังกลาเทศ ศรีลังกา ปากีสถาน และพม่า ทั้งนี้เนื่องจากแรงงานจากประเทศเหล่านี้ส่วนใหญ่จะทำงานเป็นกรรมกรก่อสร้างและคนงานอู่ต่อเรือเหมือนกับแรงงานไทย
แม้ว่าตลาดแรงงานของไทยในประเทศสิงคโปร์สำหรับปี 2550 จะดูสดใส แต่ถ้าหากพิจารณาถึงปัญหาที่เป็นปัจจัยลบบางปัจจัย ได้แก่ ปัญหาการเมืองระหว่างประเทศ ปัญหาการกดค่าแรง ปัญหาขาดแรงงานมีฝีมือในธุรกิจต่อเรือ และปัญหาแนวโน้มเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ซึ่งปัญหาต่างๆเหล่านี้อาจจะส่งผลกระทบต่อการจ้างแรงงานไทยในประเทศสิงคโปร์ได้ด้วย
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น