ผลสำรวจการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อมของภาคธุรกิจโดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย พบว่า มีเพียงหนึ่งในสี่ของผู้ประกอบการที่ตอบแบบสอบถามเริ่มมีการดำเนินการปรับตัวเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สะท้อนการขาดความพร้อมและความตื่นตัวเกี่ยวกับมาตรการและการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อมของภาคเอกชนไทย ทำให้ย้ำภาพว่า แม้ไทยจะกำหนดเป้าหมาย Net Zero อย่างชัดเจน แต่ก็ยังคงมีประเด็นความครอบคลุมของนโยบายที่ยังไม่ทั่วถึง รวมทั้งหน้าที่การกำกับดูแลของหน่วยงานภาครัฐที่ไม่ชัดเจน ดังนั้นคงเป็นโจทย์ของรัฐบาลใหม่ที่จะต้องทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทุกภาคส่วนไม่เพียงแต่ภาคพลังงาน แต่ยังคงต้องบูรณาการให้ครอบคลุมภาคอุตสาหกรรม ภาคเกษตรกรรม และภาคเศรษฐกิจอื่น ๆ ด้วย
ในขณะที่ความน่ากังวลอย่างยิ่งคือโจทย์มาตรการด้านสิ่งแวดล้อมจากต่างประเทศที่เข้มงวดขึ้นตามลำดับ เช่น มาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรป (CBAM) ที่จะเริ่มให้รายงานปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของสินค้าที่จะนำเข้าไปในอียูในเดือนตุลาคม 2566 และเตรียมเก็บค่าธรรมเนียมคาร์บอนในปี 2569 แต่ปัจจุบัน ยังรอภาพการสื่อสารถึงนโยบายจากภาครัฐเพื่อมาดูแลกลุ่มผู้ส่งออกที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งควรครอบคลุมถึงประเด็นว่าควรต้องดำเนินการเช่นไร ด้วยมาตรฐานใด
นอกจากนี้ ภาครัฐควรมีนโยบายเพื่อจูงใจและชดเชยผลกระทบจากการเปลี่ยนผ่านไปใช้พลังงานสะอาด หากมีนโยบายสนับสนุนที่จูงใจมากพอก็จะช่วยให้ผู้ประกอบการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ง่ายขึ้น เช่น การลดข้อกำหนดที่อาจไม่เอื้อต่อผู้ประกอบการ SMEs ในบางมาตรการ การพิจารณาให้สิทธิการลดหย่อนทางภาษีในอัตราก้าวหน้าตามการลงทุนที่ธุรกิจทำเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การมีส่วนในการสรรหาที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อมให้มีจำนวนมากและเข้าถึงได้ง่าย เป็นต้น
แม้จะเป็นโจทย์ที่ท้าทายต่อภาระทางการคลัง แต่ก็อาจเป็นทางเลือกที่ยากสำหรับการดำเนินการในขั้นแรกของรัฐบาลใหม่ เนื่องจากอาจจะเป็นโจทย์ที่ยังรอได้มากกว่าการให้ความสำคัญแก่เรื่องปากท้องและเศรษฐกิจที่มีความเร่งด่วน ดังนั้น จึงถือเป็นความท้าทายของรัฐบาลใหม่ในการชั่งน้ำหนักและหาความสมดุลในการดำเนินการ เพื่อยกมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมสำหรับธุรกิจไทย เนื่องจากหากยิ่งช้า ก็จะยิ่งกระทบต่อขีดความสามารถทางการแข่งขันของธุรกิจไทย และคุณภาพชีวิตของประชากรไทยในภาพรวม
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น