Display mode (Doesn't show in master page preview)

4 มิถุนายน 2563

เศรษฐกิจไทย

ผลสำรวจชี้...คนกรุงฯ ว่างงาน 9.6% ในเดือนพ.ค. 2563 แนะภาครัฐเร่งหามาตรการสร้างงานรองรับ (มองเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3868)

คะแนนเฉลี่ย

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยทำการสำรวจสภาวะการครองชีพของครัวเรือนไทยที่อาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ในช่วงวันที่ 21-28 พ.ค. 2563 พบประเด็นที่น่าสนใจ ดังต่อไปนี้

  • อัตราการว่างงานในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เดือนพ.ค. 2563 อยู่ที่ 9.6% โดยส่วนใหญ่ว่างงานจากผลกระทบของ COVID-19 และมาตรการล็อกดาวน์ที่ทำให้ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติ ทั้งนี้ อัตราการว่างงานน่าจะอยู่ในระดับสูงสุดช่วงไตรมาส 2 และปรับตัวลดลงในช่วงครึ่งปีหลังภายใต้สมมติฐานที่ว่า ไม่มีการแพร่ระบาดซ้ำของไวรัส COVID-19 จนนำไปสู่มาตรการล็อกดาวน์ ครั้งที่ 2
  • ครัวเรือนไทยส่วนใหญ่ตระหนักถึงความสำคัญของเงินออมและการสร้างรายได้หลายช่องทางมากขึ้น หลังเผชิญสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 โดยแบ่งครัวเรือนไทยเป็น 3 กลุ่ม ตามการใช้สิทธิ์เยียวยาผลกระทบจาก COVID-19 ดังนี้
  1. กลุ่มแรงงานนอกระบบที่ได้รับสิทธิ์เงินเยียวยาจากมาตรการ เราไม่ทิ้งกัน"  พบว่า หลังมาตรการสิ้นสุดลง ครัวเรือนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ 35.5% พยายามหางานรับจ้างชั่วคราวแบบเดิมทำไปก่อน
  2. กลุ่มแรงงานในระบบที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 และใช้สิทธิ์เงินชดเชยจากประกันสังคมกรณี COVID-19 พบว่า หลังสิ้นสุดการได้รับเงินชดเชยจากประกันสังคม แรงงานกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ 47.4% เลือกที่จะกระจายความเสี่ยงทางด้านรายได้ผ่านการมีอาชีพเสริม
  3. กลุ่มแรงงานที่ไม่ได้ลงทะเบียนใช้สิทธิ์ เราไม่ทิ้งกัน" และไม่ได้ใช้สิทธิ์เงินชดเชยกรณี COVID-19 จากประกันสังคม แรงงานกลุ่มนี้ตระหนักถึงความสำคัญของวินัยทางการเงินของตนเองมากขึ้น โดย 43.8% ของแรงงานกลุ่มนี้เริ่มเก็บออมมากขึ้นและระมัดระวังการใช้จ่ายในปัจจุบัน และอีก 28.4% มองหาอาชีพเสริมเพิ่มเติมเพื่อสร้างรายได้หลายช่องทาง
  • โดยสรุปแล้ว ผลการสำรวจชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงานและการใช้จ่ายของครัวเรือนไทยในระยะข้างหน้า โดยวิถีปกติใหม่ (New normal) ที่สะท้อนจากผลการสำรวจชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของภาคธุรกิจอีคอมเมิร์ซ (E-Commerce) ในการดูดซับแรงงานที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ซึ่งเข้ามาแทนที่ภาคเกษตรกรรม ในขณะที่รูปแบบการใช้จ่ายของครัวเรือนกลับเปลี่ยนไปในทิศทางที่ระมัดระวัง และเร่งสร้างวินัยทางการเงินของตนเองเพิ่มขึ้น จึงเป็นโจทย์เร่งด่วนสำหรับภาครัฐ ทั้งในเรื่องของการออกมาตรการเศรษฐกิจที่ช่วยสร้างงานและรองรับจำนวนผู้ว่างงานใหม่หลังมาตรการเยียวยาสิ้นสุดลง และการออกมาตรการส่งเสริมการออมที่เอื้อต่อแรงงานหลายกลุ่ม

ดูรายละเอียดฉบับเต็ม