นับตั้งแต่ที่ภาครัฐประกาศแผนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ระยะเร่งด่วน (Action Plan) ในปี 2559-2561 รวมถึงการเร่งรัดผลักดันโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งครอบคลุมจำนวนโครงการเป็นจำนวนมาก และมีเงินลงทุนรวมเป็นหลักหลายล้านล้านบาท ปัจจุบันหลายโครงการมีความคืบหน้า โดยมีโครงการที่สร้างเสร็จแล้วได้แก่ ท่าเทียบเรือ A ของท่าเรือแหลมฉบัง และในส่วนของงานโยธารถไฟฟ้าสายสีแดง และบางโครงการอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างเช่น โครงการรถไฟทางคู่เฟส 1 ทั้ง 7 เส้นทาง, โครงการรถไฟความเร็วสูงไทยจีนช่วง กรุงเทพ-นครราชสีมา ในส่วนของสัญญาที่ 1, รวมถึงโครงการรถไฟฟ้าในกรุงเทพมหานครจำนวน 3 เส้นทาง อาทิ สายสีแดง, สายสีชมพู, และ สายสีเหลือง
ขณะที่ในปี 2562 โครงการที่ได้รับการอนุมัติและมีความชัดเจนว่าจะได้รับการอนุมัติเพิ่มเติม อันสามารถก่อสร้างได้ในปี 2562 อาทิ โครงการที่เกี่ยวเนื่องกับพื้นที่ EEC, โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มและสายสีม่วง รวมถึงรถไฟทางคู่เฟส 2 ที่จะเริ่มก่อสร้างสายแรกเส้นทาง เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ อย่างไรก็ดี การลงทุนก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐโครงการใหม่ในปี 2562 คาดว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างในช่วงครึ่งหลังของปี เนื่องจากในช่วงครึ่งแรกจะเป็นขั้นตอนการสรรหาผู้ชนะการประกวดราคาและโครงการต่างๆ น่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นหลังการเลือกตั้ง
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ในปี 2562 ภายใต้เงื่อนไขของการเลือกตั้ง และการดำเนินงานของรัฐบาลชุดใหม่ไม่กระทบต่อความคืบหน้าของการดำเนินโครงการต่างๆ อย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงขั้นตอนการหาผู้ชนะการประกวดราคาของโครงการที่ได้รับการอนุมัติแล้วเป็นไปตามกำหนดที่วางไว้ คาดว่าจะเห็นความคืบหน้าของโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ (Mega Projects) เป็นจำนวนมาก โดยหากพิจารณาความเป็นไปได้ของเม็ดเงินเบิกจ่ายที่จะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจจากโครงการที่กำลังก่อสร้างและโครงการใหม่ที่คาดว่าจะเริ่มก่อสร้าง ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ในปี 2562 การเบิกจ่ายเงินของภาครัฐจาก Mega Projects สำคัญ อาจมีความเป็นไปได้ที่จะสูงกว่าปี 2561 โดยการเร่งตัวของการเบิกจ่ายน่าจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2562 หรือหลังผ่านการเลือกตั้งในช่วงครึ่งปีแรกแล้ว
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น