สรุปความเคลื่อนไหวค่าเงินบาท
- เงินบาทอ่อนค่ารับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก่อนจะฟื้นตัวกลับมาบางส่วนช่วงปลายสัปดาห์หลังเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ทั้งนี้เงินบาทขยับแข็งค่าขึ้นสอดคล้องกับการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลกท่ามกลางแรงขายเงินดอลลาร์ฯ เพื่อปรับโพสิชั่นก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี เงินบาทพลิกอ่อนค่าลงทะลุระดับ 34.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ไปแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 2 เดือนที่ 34.46 บาทต่อดอลลาร์ฯ ท่ามกลางแรงขายสกุลเงินอื่นๆ ในเอเชีย ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่องสอดคล้องกับบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ รับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งสะท้อนว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ได้รับชัยชนะ นอกจากนี้ การอ่อนค่าของเงินบาทยังสอดคล้องกับทิศทางฟันด์โฟลว์ของนักลงทุนต่างชาติและการปรับตัวลงมาของราคาทองคำในตลาดโลกด้วยเช่นกัน เงินบาทฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนในช่วงปลายสัปดาห์ หลังจากที่เงินดอลลาร์ฯ อ่อนค่าลงตามแรงขายทำกำไร ประกอบกับน่าจะมีปัจจัยลบเพิ่มเติมจากการปรับตัวลงของบอนด์ยีลด์สหรัฐ หลังจากที่เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาอยู่ที่กรอบ 4.50-4.75% ในการประชุมรอบล่าสุด 6-7 พ.ย. ที่ผ่านมา
- สัปดาห์ระหว่างวันที่ 11-15 พ.ย. 2567 KBank คาดกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 33.60-34.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ ปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติและสกุลเงินเอเชียอื่นๆ โดยเฉพาะค่าเงินหยวน ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ดัชนีราคาผู้บริโภคและ ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนต.ค. ของสหรัฐฯ ข้อมูลเศรษฐกิจเดือนต.ค. ของจีน และตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2567 ของอังกฤษ
สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย
- ตลาดหุ้นไทยเผชิญแรงขายจากกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ และทยอยปรับตัวลงหลังรับรู้ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทั้งนี้หุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแคบช่วงแรก ก่อนจะดีดตัวขึ้นแรงตามตลาดหุ้นภูมิภาคในช่วงก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มพลังงานยังได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวขึ้น หลังโอเปกเลื่อนแผนเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันออกไปอีกหนึ่งเดือน ขณะที่ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ปรับตัวขึ้นตามแรงหนุนจากประเด็นเฉพาะตัวด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงท่ามกลางแรงขายของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกครั้ง ซึ่งกระตุ้นความกังวลเกี่ยวกับประเด็นสงครามการค้า หุ้นไทยย่อตัวลงต่อในช่วงท้ายสัปดาห์ โดยเผชิญแรงขายทำกำไรหุ้นบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่แห่งหนึ่ง หลังปรับตัวขึ้นค่อนข้างแรงก่อนหน้านี้
- สัปดาห์ที่ 11-15 พ.ย. 2567 KSecurities คาดแนวรับที่ 1,445 และ 1,435 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,475 และ 1,485 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ผลประกอบการไตรมาส 3/2567 ของบจ.ไทย ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ดัชนีราคาผู้บริโภค และดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนต.ค. ของสหรัฐฯ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2567 ของยูโรโซน อังกฤษและญี่ปุ่น รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจเดือนต.ค. ของจีน อาทิ ยอดค้าปลีก
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น