ในการประชุม FOMC วันที่ 28-29 ต.ค. 2568 คาดเฟดปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ลงมาอยู่ที่ 3.75-4.00% หลังเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือนก.ย. ออกมาต่ำกว่าคาด แม้เฟดจะขาดข้อมูลตลาดแรงงาน เช่น ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Nonfarm Payrolls) และอัตราว่างงานในเดือนก.ย. 2568 อันเป็นผลมาจาก Government Shutdown โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
• ความกังวลภาวะตลาดแรงงานที่อ่อนแอลง ขณะที่เศรษฐกิจเผชิญความเสี่ยงเชิงลบเพิ่มขึ้น
- ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราว่างงานเดือนก.ย. 2568 ไม่ได้เผยแพร่ เนื่องจาก Government Shutdown
- อย่างไรก็ตาม ข้อมูลตลาดแรงงานอื่นๆ ยังชี้ไปใทศทางที่อ่อนแอลงเช่นกัน เช่น ยอดผู้ขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (Jobless Claims) ในสัปดาห์ 27 ก.ย.-4 ต.ค. 2568 ปรับตัวสูงขึ้นแตะ 235,000 ราย ขณะที่ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนของ ADP เดือนก.ย. 2568 ลดลงมากที่สุดในรอบสองปีครึ่ง (รูปที่ 1)
- เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น จากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน และ Government Shutdown
• เงินเฟ้อสหรัฐฯ มีแนวโน้มไม่เร่งตัว ทำให้เฟดน่าจะให้น้ำหนักกับการชะลอตัวของตลาดแรงงานมากกว่าความกังวลด้านเงินเฟ้อ
- เงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือนก.ย. แม้ยังอยู่ในระดับสูงกว่าเป้าหมาย 2% แต่ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาด โดยตัวเลขอัตราเงินเฟ้อทั่วไป (Headline CPI) อยู่ที่ 3.0%YoY ต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ 3.1% YoY และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) อยู่ที่ 3.0% YoY ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ 3.1% YoY (รูปที่ 2)
- ตลาดที่อยู่อาศัยที่ชะลอลง โดยราคาขายบ้านมัธยฐานเดือนส.ค. 2568 เพิ่มขึ้นเพียง 1.6%YoY ชะลอลงจากค่าเฉลี่ย 3.3%YoY ในไตรมาส 1/2568 (รูปที่ 3) ขณะที่ยอดขายบ้านลดลง 3.0%YoY
- การปรับขึ้นภาษีนำเข้าเริ่มส่งผลให้ราคาสินค้าบางประเภท เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ และเสื้อผ้า ปรับสูงขึ้น แต่โดยรวมแล้วการส่งผ่านต้นทุนยังเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป
• ในการประชุมเดือนต.ค. นี้ คาดเฟดปรับลดดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.25% แบบมีมติไม่เป็นเอกฉันท์
- จากบันทึกการประชุม FOMC (FOMC Minutes) ในเดือนก.ย. 2568 เผยว่าสมาชิกเฟดส่วนใหญ่สนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม เนื่องจากตลาดแรงงานและเศรษฐกิจเริ่มมีสัญญาณชะลอลง
- ในขณะที่ สมาชิกเฟดบางรายเห็นควรให้คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ และทยอยปรับลดดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปจากความกังวลต่อแรงกดดันเงินเฟ้อที่อาจกลับมาสูงขึ้น
- Stephen Miran กรรมการที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งโดยประธานาธิบดีทรัมป์สนับสนุนให้ปรับลดดอกเบี้ยที่ 0.50% และไม่เห็นด้วยกับมติลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ในการประชุมครั้งก่อนหน้า
• เฟดมีแนวโน้มยังไม่หยุดทำ Quantitative Tightening (QT) ในการประชุมรอบนี้ แม้เจอโรม พาวเวลล์ ส่งสัญญาณในงานประชุม National Association for Business Economics (NABE) Conference ว่าเฟดใกล้ถึงจุดที่จะหยุดการทำ QT แล้วก็ตาม เนื่องจากเฟดคงหลีกเลี่ยงที่จะหยุดทำ QT เร็วไป เพราะอาจกระตุ้นฟองสบู่ในสินทรัพย์และชะลอความคืบหน้าในการควบคุมเงินเฟ้อ หากสภาพคล่องไหลกลับเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า การประชุม FOMC รอบสุดท้ายของปีในเดือนธ.ค. 2568 มีแนวโน้มปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ตามสัญญาณจาก Dot Plot ล่าสุด ขณะที่ในปี 2569 เฟดอาจลดดอกเบี้ยมากกว่าที่ส่งสัญญาณไว้ โดยมีโอกาสปรับลดรวม 2–3 ครั้ง เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ จากผลของภาษีนำเข้าที่สูงขึ้น ท่ามกลางความไม่แน่นอนด้านนโยบายเศรษฐกิจและปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังมีอยู่ ขณะที่เงินเฟ้ออาจไม่ได้เร่งตัวสูงขึ้นมากนักหรือเป็นเวลานาน ทำให้เฟดมีแนวโน้มยังให้น้ำหนักต่อความเสี่ยงด้านการเติบโตทางเศรษฐกิจมากกว่าเงินเฟ้อในระยะข้างหน้า อย่างไรก็ตาม จังหวะการปรับลดดอกเบี้ยคงขึ้นอยู่กับตัวเลขตลาดแรงงานและเงินเฟ้อที่ออกมาเป็นสำคัญ
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น