Display mode (Doesn't show in master page preview)

18 กันยายน 2567

Econ Digest

ธนาคารกลางอินโดนีเซียปรับลดอัตราดอกเบี้ยมาอยู่ที่ 6.0% เร็วกว่าที่ตลาดคาดการณ์

คะแนนเฉลี่ย
  • ธนาคารกลางอินโดนีเซีย (Bank Indonesia: BI) ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% มาอยู่ที่ 6.0% ในรอบการประชุมวันที่ 18 ก.ย.2567 ซึ่งเป็นการปรับลดครั้งแรกในรอบ 3 ปี โดยการปรับลดครั้งนี้อยู่เหนือความคาดหมายของตลาดที่คาดว่ากาารประชุมรอบนี้ BI จะคงดอกเบี้ยต่อเนื่องและจะปรับลดในช่วงปลายปี 1 ครั้ง
  • การปรับดอกเบี้ยของ BI ในครั้งนี้ สะท้อนมุมมองของ BI ที่กลับไปให้น้ำหนักกับการเติบโตทางเศรษฐกิจของอินโดนีเซีย ท่ามกลางสถานการณ์ที่ค่าเงินรูเปียะห์ที่ลดแรงกดดันจากค่าเงินอ่อนค่า หลังจากที่ BI ได้ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเมื่อเดือนเม.ย.2567 เพื่อต้องการรักษาเสถียรภาพค่าเงิน ทำให้ตั้งแต่เม.ย. 2567 อัตราแลกเปลี่ยนรูเปียะห์/ดอลลาร์ฯ กลับมาแข็งค่าขึ้นที่ 5.91% ในขณะที่เงินเฟ้อกลับมามีเสถียรภาพอยู่กรอบเป้าหมายที่ร้อยละ 1.5%-3.5% ต่อเนื่อง (รูปที่ 1) เอื้อให้ทางการใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงิน
  • ความชัดเจนของทิศทางดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่คาดว่าการประชุมในรอบเดือน ก.ย.จะปรับลดดอกเบี้ย หนุนให้ BI พิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ ซึ่งอินโดนีเซียนับเป็นประเทศแรกๆ ในอาเซียน โดยก่อนหน้านี้ฟิลิปปินส์ได้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปแล้วเมื่อเดือนส.ค.2567 เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจเช่นเดียวกับอินโดนีเซีย (รูปที่ 2) 
  • ทิศทางดอกเบี้ยนโยบายของอินโดนีเซียจะผ่อนคลายเพิ่มเติม โดยหลังจากนี้ BI จะมีการประชุมคณะกรรมการอีก 3 ครั้ง ในรอบวันที่ 16 ต.ค. 20 พ.ย. และ 18 ธ.ค. 2567 ซึ่ง Bloomberg คาดว่า BI จะปรับลดดอกเบี้ยอีกอย่างน้อย 1 ครั้งเพื่อสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่าเศรษฐกิจอินโดนีเซียจะรักษาการเติบโตที่ 5.0% ได้ในปี 2567

Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น