Display mode (Doesn't show in master page preview)

7 สิงหาคม 2567

Econ Digest

เงินเฟ้อเดือนก.ค. 2567 บวก 0.83% YoY…ยังมองทั้งปี 0.8% โดยยังขึ้นอยู่กับมาตรการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานของภาครัฐ

คะแนนเฉลี่ย

        อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยเดือนก.ค. 2567 เร่งสูงขึ้นจากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่ 0.83% YoY และ 0.19% MoM โดยมีปัจจัยสำคัญมาจาก
•    ราคาหมวดน้ำมันเชื้อเพลิงที่เพิ่มสูงขึ้นตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ขณะที่ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลในประเทศยังคงถูกตรึงไว้ที่ระดับไม่เกิน 33 บาท/ ลิตร ซึ่งสูงกว่าในช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่ถูกตรึงไว้ที่ระดับไม่เกิน 32 บาท/ ลิตร
•    ราคาสินค้าในกลุ่มอาหาร อาทิ ข้าวสาร ผลไม้สด และอาหารสำเร็จรูป ยังอยู่ในระดับสูงกว่าในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า แม้ราคาอาหารสดจะทยอยปรับลดลงจากเดือนก่อนหน้าหลังผลผลิตออกสู่ตลาดมากขึ้น
•    จาก 430 รายการสินค้าและบริการในตะกร้าเงินเฟ้อ มี 269 รายการที่ราคายังคงปรับสูงขึ้น ขณะที่ หากหักราคาอาหารสดและพลังงานออก เงินเฟ้อพื้นฐานเดือนก.ค. 2567 เร่งสูงขึ้นมาอยู่ที่ 0.52% YoY จากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ 0.36% YoY

        ทั้งนี้ เมื่อมองไปในช่วงที่เหลือของปีนี้ คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยในเดือนส.ค. อาจปรับลดลงจากเดือนก.ค. เนื่องจากปัจจัยฐานที่สูงในเดือนส.ค. 2566 ตามฐานราคาน้ำมันดิบดูไบที่อยู่ระดับสูง อย่างไรก็ดี คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยจะกลับมาเร่งขึ้นในไตรมาส 4/2567 โดยส่วนหนึ่งคาดว่าจะได้รับปัจจัยหนุนจากการท่องเที่ยวที่เป็นช่วง High Season ประกอบกับฐานที่ต่ำในไตรมาส 4/2566 ขณะที่ ยังคงมองภาพรวมทั้งปี อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยในปี 2567 อยู่ที่ 0.8% โดยแนวโน้มเงินเฟ้อในระยะข้างหน้ายังขึ้นอยู่กับทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลก รวมถึงมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาพลังงานในประเทศของภาครัฐที่อาจเปลี่ยนแปลงไป

Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น