Display mode (Doesn't show in master page preview)

11 กุมภาพันธ์ 2568

Econ Digest

ธุรกิจอินเทอร์เน็ตและดาวเทียมสื่อสารไทย ปี 2568

คะแนนเฉลี่ย
  • ในปี 2568 รายได้ตลาดอินเทอร์เน็ตผู้บริโภค (B2C) คาดว่าจะเติบโต 1.6% จากการขยายตัวของอินเทอร์เน็ตเคลื่อนที่ 2.7% และการหดตัวของอินเทอร์เน็ตประจำที่ 2.0% ในขณะที่ ตลาดอินเทอร์เน็ตองค์กร (B2B) คาดว่าจะเติบโต 5.1%
  • สำหรับธุรกิจดาวเทียมสื่อสาร ในปี 2568 คาดว่า จะมีการเติบโตของรายได้ราว 5.0% จากการที่มีดาวเทียมเปิดใช้งานเพิ่มขึ้นและการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ
  • อย่างไรก็ตาม ธุรกิจอินเทอร์เน็ตและดาวเทียมสื่อสารในไทยกำลังเผชิญกับแรงกดดันด้านรายได้ ทำให้ต้องมีการปรับกลยุทธ์เพื่อเพิ่มรายได้และรักษาความสามารถในการแข่งขัน สำหรับธุรกิจอินเทอร์เน็ต มีการเสนอแพ็กเกจพ่วงและบริการเสริม ส่วนธุรกิจดาวเทียมสื่อสารได้มีการลงทุนในโมเดลธุรกิจดาวเทียมแบบใหม่ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป


ปี 2568 ภาพรวมธุรกิจอินเทอร์เน็ตภาคพื้นดินเติบโต 2.2% ชะลอตัวจากตลาดอินเทอร์เน็ตผู้บริโภค
        ธุรกิจอินเทอร์เน็ตภาคพื้นดินในไทยมีสองตลาดหลัก ตลาดผู้บริโภค ซึ่งมีส่วนแบ่งรายได้ 83% และตลาดองค์กร ที่มีส่วนแบ่ง 17% ตลาดผู้บริโภคที่ชะลอตัวส่งผลกระทบต่อการเติบโตของอินเทอร์เน็ตภาคพื้นดิน ทำให้แนวโน้มของตลาดมีอัตราเติบโตที่ลดลง

รายได้ตลาดผู้บริโภคคาดว่าจะเติบโต 1.6% ในปี 2568 (รูปที่ 2)
        รายได้ตลาดผู้บริโภคอินเทอร์เน็ตประกอบด้วยอินเทอร์เน็ตเคลื่อนที่และประจำที่ โดยมีสัดส่วนรายได้ราว 78% และ 22% ตามลำดับ
        ในปี 2568 อินเทอร์เน็ตเคลื่อนที่คาดว่าจะเติบโต 2.7% ชะลอตัวจากปีก่อนหน้าที่ขยายตัวราว 4.4% โดยส่วนหนึ่งมาจากการเติบโตที่ช้าลงของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่งผลต่อรายได้อินเทอร์เน็ตในตลาดดังกล่าว นอกจากนี้ จำนวนผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตชาวไทยก็มีแนวโน้มทรงตัว เพราะกว่าร้อยละ 96 ของประชากรไทยมีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต
        อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการก็เริ่มมีการปรับตัว และมุ่งเน้นในการเพิ่มรายได้เฉลี่ยต่อหมายเลข/เดือนที่มีแนวโน้มขยายตัว 2.4% ในปี 2568 (รูปที่ 3) จากการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริการอินเทอร์เน็ตผ่านการให้บริการเสริมต่างๆ เช่น บริการสตรีมมิ่งคอนเทนต์ ประกอบกับผู้บริโภคก็มีแนวโน้มใช้งานอินเทอร์เน็ตมากขึ้น  ส่งผลให้ยังคงช่วยรักษาการเติบโตของตลาดไว้ได้
        สำหรับรายได้จากอินเทอร์เน็ตประจำที่ ในปี 2568 คาดว่าจะหดตัว 2.0% เนื่องจากสัดส่วนการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในครัวเรือนไทยลดลงต่อเนื่องหลังจากแตะจุดสูงสุดในช่วงโควิด-19 ที่ 44.8% ของจำนวนครัวเรือนไทย โดยคาดว่าในปีนี้จะลดลงสู่ระดับ 31.4% จากการกลับมาใช้ชีวิตนอกบ้าน และการเปลี่ยนมาใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่เพื่อเข้าสู่อินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะในครัวเรือนที่มีผู้พักอาศัยคนเดียว ซึ่งลดความต้องการอินเทอร์เน็ตประจำที่ ส่งผลให้รายได้เฉลี่ยต่อหมายเลข/เดือนของปี 2568 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2563 มีการลดลงถึง 19.0%

รายได้ตลาดอินเทอร์เน็ตองค์กรคาดว่าจะเติบโต 5.1% ในปี 2568 (รูปที่ 4)
        ระหว่างปี 2563-2567 รายได้จากตลาดอินเทอร์เน็ตองค์กรในไทยเติบโตเฉลี่ย 16.6% ต่อปี จากการปรับตัวสู่ยุคดิจิทัลทำให้ธุรกิจมีการใช้งานและลงทุนในเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น เช่น การลงทุนในดาต้าเซ็นเตอร์ และการประยุกต์ใช้ AI ในภาคธุรกิจ เป็นต้น ส่งผลให้อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 มูลค่าการขอรับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 2,336% ทำให้ตลาดอุตสาหกรรมดิจิทัลไทยยังคงมีทิศทางเติบโต โดยในปี 2568 คาดว่าจะขยายตัว 14.3% (รูปที่ 5) ซึ่งจะมีส่วนหนุนอุปสงค์อินเทอร์เน็ตภาคองค์กรในปีนี้
        อย่างไรก็ตาม การเติบโตของตลาดองค์กรอาจไม่มากพอที่จะขับเคลื่อนภาพรวมของธุรกิจอินเทอร์เน็ตภาคพื้นดินเนื่องจากสัดส่วนรายได้ของยังคงน้อยกว่าตลาดผู้บริโภค

ปี 2568 รายได้จากธุรกิจดาวเทียมสื่อสารคาดว่าจะเติบโต 5.0% แต่ยังเผชิญความท้าทายในการฟื้นฟูรายได้ให้กลับมาใกล้เคียงอดีต (รูปที่ 6)
        สำหรับธุรกิจดาวเทียมสื่อสาร หลังจากการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคทีวีดิจิทัล และการพัฒนาอินเทอร์เน็ตภาคพื้นดินที่มีต้นทุนต่ำ อีกทั้งเข้าถึงได้ง่ายกว่า ส่งผลให้รายได้ของธุรกิจดาวเทียมลดลงอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ในปี 2568 มีปัจจัยบวกที่คาดว่าจะช่วยเพิ่มรายได้ ได้แก่

1)    การปรับตัวของผู้ประกอบการในไทยที่ขยายเข้าสู่ธุรกิจบริการที่หลากหลายมากขึ้น เช่น การวิเคราะห์และประมวลผลจากภาพถ่ายดาวเทียม บริการประเมินคาร์บอนเครดิตในพื้นที่เกษตร/ป่าไม้ และดาวเทียม LEO  สำหรับการให้บริการด้านความปลอดภัยทางทะเล เป็นต้น

2)    การขยายตลาดไปยังต่างประเทศ โดยบริษัทในไทยได้รับอนุญาตจากรัฐบาลอินเดียให้บริการช่องสัญญาณดาวเทียม ซึ่งจะเป็นโอกาสสำคัญสำหรับผู้ประกอบการไทยในการให้บริการในประเทศที่ยังมีช่องว่างในการเติบโตของตลาด

3)    ในปี 2568 จะมีดาวเทียมพร้อมเปิดให้บริการใหม่ ซึ่งรวมถึงการเปิดให้บริการดาวเทียมวงโคจรต่ำ (LEO) สำหรับอินเทอร์เน็ตผ่านการใช้ช่องสัญญาณจากดาวเทียมต่างชาติ โดย LEO มีข้อได้เปรียบสำคัญในด้านความเร็วที่ใกล้เคียงกับอินเทอร์เน็ตภาคพื้นดิน

        ปัจจุบัน ถึงแม้ว่าธุรกิจดาวเทียมจะมีการท้าทายในการฟื้นฟูรายได้ให้กลับมาใกล้เคียงอดีต แต่คาดว่าในระยะยาวจะเห็นการเติบโตที่ชัดเจนขึ้น เนื่องจากต้นทุนการยิงดาวเทียมลดลงอย่างมาก ด้วยเทคโนโลยีจรวดใช้ซ้ำได้ของ SpaceX ที่ช่วยลดต้นทุนจากระดับพันล้านบาทเหลือหลักร้อยล้านบาท ซึ่งจะกระตุ้นการลงทุนดาวเทียมดวงใหม่และส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมดาวเทียม

ความเสี่ยงของธุรกิจอินเทอร์เน็ต

  • อินเทอร์เน็ตประจำที่อาจถูกแทนที่ด้วยอินเทอร์เน็ตเคลื่อนที่ทำให้ธุรกิจอินเทอร์เน็ตภาคพื้นดินเผชิญกับแนวโน้มรายได้ที่ลดลง เนื่องจากลูกค้าบางส่วนอาจเลือกลดค่าใช้จ่ายโดยยกเลิกการใช้งานอินเทอร์เน็ตประจำที่และหันไปใช้อินเทอร์เน็ตเคลื่อนที่แทน
  • ดาวเทียมวงโคจรต่ำ (LEO) อาจกลายเป็นตัวท้าทายหลักต่ออินเทอร์เน็ตภาคพื้นดิน เนื่องจากมีคุณภาพการสื่อสารที่ใกล้เคียงกัน และหากค่าบริการของ LEO ลดลงจนเทียบเท่าหรือต่ำกว่าอินเทอร์เน็ตภาคพื้นดิน จะทำให้ LEO กลายเป็นคู่แข่งสำคัญที่สามารถแทนที่อินเทอร์เน็ตภาคพื้นดินได้
  • การให้บริการอินเทอร์เน็ต และดาวเทียมอาศัยการประมูลคลื่นความถี่และใบอนุญาตใช้วงโคจรดาวเทียมที่จัดโดย กสทช.  ซึ่งการจัดสรรคลื่นความถี่ และวงโคจรดาวเทียมนั้นกำหนดขีดความสามารถในการให้บริการของผู้ประกอบการ อีกทั้งหากประมูลไม่สำเร็จก็จะกระทบต่อการให้บริการได้ นอกจากนี้ สำหรับธุรกิจดาวเทียมยังต้องมีการรักษาสิทธิเข้าใช้วงโคจรกับสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) อีกด้วย
  • รายได้จากธุรกิจดาวเทียมสื่อสารจากต่างประเทศอาจมีความผันผวนสูงเนื่องจากความไม่แน่นอนของค่าเงิน ซึ่งส่งผลต่อรายได้เมื่อแปลงกลับเป็นสกุลเงินไทย

Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น

Econ Digest