Display mode (Doesn't show in master page preview)

10 เมษายน 2567

Econ Digest

กนง. มีมติไม่เป็นเอกฉันท์คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.50% มอง กนง. ยังมีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย 1-2 ครั้ง ในเดือน มิ.ย. และ ส.ค. 67

คะแนนเฉลี่ย

กนง. มีมติไม่เป็นเอกฉันท์คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.50% มอง กนง. ยังมีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย 1-2 ครั้ง ในเดือน มิ.ย. และ ส.ค. 67

  • จากการประชุมกนง. วันที่ 10 เม.ย. ที่ผ่านมา กนง. มีมติไม่เป็นเอกฉันท์คงดอกเบี้ยนโยบาย 5 ต่อ 2 เสียง ไม่เปลี่ยนแปลงจากการประชุมครั้งก่อนหน้า โดย 5 เสียงมองเห็นควรให้คงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 2.50% และ 2 เสียงมองเห็นควรให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25%
  • กรรมการส่วนใหญ่มองว่าอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจและการเงิน รวมถึงเห็นว่านโยบายการเงินมีประสิทธิผลจำกัดในการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างที่ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยมีศักยภาพขยายตัวต่ำลง นอกจากนี้ กนง. ยังส่งสัญญาณให้น้ำหนักต่อเสถียรภาพระบบการเงิน รวมถึงความผันผวนของค่าเงินบาท
  • ทั้งนี้ กนง. ได้มีการปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2567 ลงจาก 3.2% ในการเผยแพร่ประมาณการเดือนพ.ย. 2566 มาอยู่ที่ 2.6% ขณะที่ ปรับลดประมาณการเงินเฟ้อปี 2567 ลงจาก 2.0% มาอยู่ที่ 0.6%
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ทิศทางนโยบายการเงินในระยะข้างหน้ายังขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ และเสถียรภาพระบบการเงินในระยะข้างหน้าเป็นสำคัญ โดยยังคงต้องติดตามแรงส่งจากมาตรการกระตุ้นทางการคลังที่อาจมีผลต่อเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้ อย่างไรก็ตาม โอกาสที่กนง. จะปรับลดดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย. และ ส.ค. 2567 ยังคงมีอยู่
  • ทั้งนี้ ค่าเงินบาทแข็งค่ามาอยู่ที่ราว 36.3 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันนี้ จากราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 36.7 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ออกมาล่าสุด ประกอบกับมติคงดอกเบี้ยนโยบายของกนง.


Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น