Display mode (Doesn't show in master page preview)

16 สิงหาคม 2564

Econ Digest

โควิดยืดเยื้อ... โรงพยาบาลเอกชนที่พึ่งพา Medical Tourism ยังลำบาก

คะแนนเฉลี่ย

ก่อนโควิด-19 ไทยถือเป็นผู้นำตลาด Medical Tourism ในเอเชีย จำนวน Medical Tourism ที่มาในไทย โดยเฉพาะกลุ่มที่มาตรวจเช็คสุขภาพ ศัลยกรรมความงาม ทันตกรรม ผ่าตัดกระดูกและหัวใจมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น สร้างรายได้ค่ารักษาพยาบาลให้กับธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนไม่ต่ำกว่าปีละ 39,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนราว 24% ของรายได้โรงพยาบาลเอกชนทั้งหมด แต่หลังจากโควิด-19 โรงพยาบาลเอกชนถือเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะโรงพยาบาลที่พึ่งพารายได้จากคนไข้ต่างชาติที่เป็น Medical Tourism ซึ่งไม่สามารถเดินทางเข้าไทยได้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาด การระบาดของโควิด-19 ในไทยระลอกนี้จะทำให้ตลาด Medical Tourism ไทยปี 2564 หดตัวต่อเนื่องจากปีก่อนไม่ต่ำกว่า 90% (YoY) มีจำนวน Medical Tourism ราว 10,000-20,000 คน (ครั้ง) โดยตลาดคนไข้ที่คาดว่าจะหดตัวสูงคือกลุ่มตะวันออกกลาง จีน และประเทศในอาเซียน ที่สร้างรายได้ให้กับธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนเป็นสัดส่วนราว 30% ของรายได้คนไข้ต่างชาติทั้งหมด

ขณะที่ปี 2565 คาดว่าจะยังคงเป็นปีที่ท้าทายและยากลำบาก ซึ่งการฟื้นตัวของตลาด Medical Tourism จะเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการโควิดและการฉีดวัคซีนในประเทศ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า หากการระบาดระลอกนี้คลี่คลายได้ภายในสิ้นปี 2564 โดยการติดเชื้อไม่เกิน 1,000 คนต่อวัน และไม่มีคลัสเตอร์ใหม่เกิดขึ้น กลุ่ม Medical Tourism น่าจะทยอยกลับมา และคาดว่าจำนวน Medical Tourism ปี 2565 น่าจะอยู่ที่ราว 130,000-180,000 คน (ครั้ง) อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามการระบาดและการบริหารจัดการโควิดอย่างใกล้ชิด หากสถานการณ์ยืดเยื้อถึงปีหน้า อาจทำให้จำนวน Medical Tourism ที่เดินทางเข้าไทยน้อยกว่าประเมิน

นอกจากนี้ ต่อไปอาจจะมีความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นได้อีก โดยเฉพาะการระบาดของโรคอุบัติใหม่ ซึ่งผู้ประกอบการต้องมีการเตรียมพร้อม เช่น นำเทคโนโลยีทางการแพทย์มาใช้ โดยเฉพาะในกรณีที่คนไข้ไม่สามารถเดินทางมารักษาในไทยได้ รวมถึงการกระจายฐานลูกค้าที่หลากหลาย เจาะกลุ่มลูกค้าหลาย Segment รายได้ และนำเสนอบริการทางการแพทย์ใหม่ ๆ 



Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น

Econ Digest