จีน สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป (อียู) ประเทศคู่ค้าหลักของไทยประกาศเจตนารมย์ลดการปล่อย CO2 และก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ พร้อมทั้งดำเนินมาตรการต่าง ๆ ด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อบรรลุเป้าหมายตามเจตนารมย์ที่สำคัญ ดังนี้
จีน เริ่มดำเนินการจัดตั้งระบบการซื้อขายสิทธิ์การปล่อยมลพิษแห่งชาติ ห้ามนำเข้าขยะพลาสติกและจำกัดการใช้พลาสติก ทั้งนี้ จีนจะดำเนินมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มงวดมากขึ้นเพื่อบรรลุเป้าหมายการปล่อย CO2 สูงสุด (peak emission) ในปี 2030 และปล่อย CO2 สุทธิเป็นศูนย์ (Carbon Neutrality) ในปี 2060
สหรัฐฯ เตรียมเก็บค่าธรรมเนียมคาร์บอน (Carbon Border Adjustment Fee) ภาษีสรรพสามิตเม็ดพลาสติกใหม่ และดำเนินมาตรการด้านพลังงานสะอาด อาทิ เพิ่มความเข้มงวดมาตรฐานการประหยัดพลังงานสำหรับยานพาหนะเพื่อ
การเปลี่ยนผ่านไปใช้รถยนต์ไฟฟ้า และมาตรการอื่น ๆ เพื่อบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี 2050
อียู ดำเนินมาตรการห้ามจำหน่ายผลิตภัณฑ์พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง และมีแผนขยายความครอบคลุมไปยังผลิตภัณฑ์พลาสติกชนิดอื่น ๆ พร้อมทั้งเตรียมใช้มาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน (CBAM) ห้ามใช้รถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงจากพลังงานฟอสซิล และดำเนินมาตรการอื่น ๆ ตาม European Green Deal เพื่อเป้าหมาย Net Zero ในปี 2050
ทั้งนี้ ในระยะแรกผลกระทบต่อการส่งออกยังคงจำกัดเฉพาะในบางกลุ่มสินค้าที่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมสูง เช่น พลาสติก ยานยนต์ เหล็ก ซีเมนต์ อะลูมิเนียม โดยในระยะสั้นศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าพลาสติกมีแนวโน้มจะได้รับผลกระทบต่อการส่งออกของไทยมากที่สุด เนื่องจาก (1) มีสัดส่วนการส่งออกค่อนข้างสูงและจะได้รับผลกระทบจากมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมที่เริ่มดำเนินการแล้ว (2) แนวโน้มมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับพลาสติกจะมีความเข้มงวดมากขึ้นอีก และ (3) พลาสติกชีวภาพที่สามารถย่อยสลายได้ซึ่งเป็นสินค้าทดแทนยังไม่สามารถเพิ่มปริมาณการผลิตเพื่อส่งออกได้เพียงพอในระยะสั้น
แม้ว่าการส่งออกในปี 2565 คงจะชะลอตัวลงจากผลกระทบของสงครามรัสเซีย-ยูเครน แต่ผู้ประกอบการไทยก็ควรจะเร่งเตรียมการเพื่อรับมือกับการดำเนินมาตรการด้านสิ่งแวดล้อม เนื่องจากธุรกิจที่ปรับตัวโดยปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำ
จะมีความได้เปรียบทางการแข่งขันและมีความพร้อมรองรับการดำเนินมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมในอนาคตทั้งจากประเทศคู่ค้า และทางการไทย
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น