ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า ในปี 2565 ธุรกิจขนส่งสินค้าแบบควบคุมอุณหภูมิ (Cold-chain Logistics) ที่เน้นเจาะกลุ่ม B2C จะมีมูลค่าราว 2.9-3.0 พันล้านบาท ซึ่งจะเติบโตในกรอบ 15-20% (YoY) ชะลอจากปีก่อนหน้าที่คาดว่าจะขยายตัวราว 40-45% (YoY) ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากฐานสูงและปัจจัยเร่งชั่วคราวจากการล็อกดาวน์หมดลง อย่างไรก็ดี ในช่วงที่ผ่านมา ผู้บริโภคเกิดการรับรู้และเคยชินกับการใช้บริการขนส่งควบคุมอุณหภูมิเพิ่มขึ้นในวงกว้าง จึงคาดว่าความต้องการใช้บริการยังคงขยายตัว โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าอาหารสด อาหารปรุงสำเร็จ
อย่างไรก็ตาม ในระยะข้างหน้า ธุรกิจ Cold-chain แบบ B2C ยังต้องเผชิญกับความท้าทายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ที่อาจทำให้การขนส่งสินค้าในบางพื้นที่ต้องหยุดชะงัก และยังมีแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่มีความผันผวนและปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการแข่งขันที่มีแนวโน้มรุนแรงทั้งในมิติของจำนวนผู้เล่นที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นและการแข่งขันด้านราคาค่าบริการ จากการที่ผู้ประกอบการขนส่งสินค้ารายใหญ่หลายรายเริ่มหันมารุกตลาดมากขึ้น
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ผู้ประกอบการควรเน้นไปที่การพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ เช่น การลดระยะเวลาในการจัดส่งสินค้า การลดความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการขนส่ง นอกจากนี้ ควรเร่งสร้างเครือข่ายผ่านการทำสัญญาระยะยาวกับผู้ประกอบการต่างๆ ที่ใช้บริการขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิ เช่น ธุรกิจร้านอาหาร เพื่อที่จะสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการพัฒนาและเลือกใช้เทคโนโลยีในการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น (Green Logistics)
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น