แนวโน้มการท่องเที่ยวระหว่างประเทศทั่วโลกกลับมาเผชิญความท้าทายอีกครั้ง เมื่อหลายประเทศกำลังประสบกับการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า ซึ่งแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เร่งตัวขึ้นในหลายประเทศ ทำให้ทางการหลายประเทศต้องยกระดับมาตรการจำกัดการเดินทางท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และออกคำเตือนประชาชนในการเดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งส่งผลต่อการเดินทางระหว่างประเทศต่อไป แม้จะมีการใช้ระบบวัคซีนพาสปอร์ตเข้าช่วยลดอุปสรรคในการเดินทางท่องเที่ยว แต่ยังมีเงื่อนไขอื่นๆ อาทิ ชนิดของวัคซีนที่ได้รับการยอมรับในแต่ละประเทศ ขณะที่บางประเทศแม้นักท่องเที่ยวจะได้รับการฉีดวัคซีน แต่ถ้ามาจากประเทศเสี่ยงสูงก็ยังคงต้องกักตัว ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ กระทบความต่อเนื่องในการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวระหว่างประเทศทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยอย่างเลี่ยงไม่ได้ โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าการท่องเที่ยวระหว่างประเทศทั่วโลกในปี 2564 น่าจะหดตัวประมาณ 45% จากปีก่อน หรือมีจำนวนเพียงประมาณ 220 ล้านคน จากจำนวน 399 ล้านคนในปี 2563
ขณะที่ทิศทางนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยในช่วงที่เหลือของปี 2564 นี้ มีความท้าทายมากขึ้นจากหลายปัจจัย นอกจาก สถานการณ์การระบาดของโควิดในประเทศที่ยังพบจำนวนผู้ติดเชื้อสูง ทำให้ทางการไทยจำเป็นต้องใช้มาตรการควบคุมการการระบาดในประเทศ ซึ่งไม่เอื้อต่อกิจกรรมการท่องเที่ยว อีกทั้งทางการในหลายประเทศมีการยกระดับคำเตือนสำหรับประชาชนที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวที่ประเทศไทย เช่นศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ หรือ CDC (Center for Disease Control and Prevention) จึงไม่น่าจะเป็นผลดีต่อแนวโน้มตลาดท่องเที่ยวในช่วงที่เหลือของปีนี้ ขณะเดียวกัน ตลาดท่องเที่ยวไทยยังต้องเผชิญกับอีกปัจจัยเสี่ยงจากความตึงเครียดทางการเมืองเพิ่มเติม ทำให้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้ อาจจะต่ำกว่าที่เคยคาด ส่งผลให้ทั้งปี 2564 นักท่องเที่ยวต่างชาติอาจจะมีจำนวน 1.5 แสนคน จากกรอบเดิมที่คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 2.5-6.5 แสนคน โดยมองว่าหากทางการสามารถควบคุมการระบาดของโควิดในพื้นที่ท่องเที่ยวที่เป็นเป้าหมายการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เช่น ภูเก็ต กระบี่ สุราษฎร์ธานี เป็นต้น ได้ดีในช่วงที่เหลือของปี สถานการณ์การท่องเที่ยวน่าจะทยอยกลับมาได้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น