สถานการณ์โควิด-19 ที่ได้กลับมาระบาดระลอกใหม่ทั้งในและต่างประเทศ ทำให้การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวสะดุดลง รวมถึงแผนการดำเนินนโยบายการท่องเที่ยวของทางการอย่างแผนการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศต้องชะลอออกไปจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้ภาคการท่องเที่ยวของไทยในปี 2564 นี้ ยังไม่น่าจะกลับมาดีขึ้น โดยเฉพาะตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่ง ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้ปรับลดการคาดการณ์นักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยในปี 2564 มาอยู่ที่กรอบประมาณ 2.0-4.5 ล้านคน (จากเดิมที่คาดว่านักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2564 จะมีจำนวน 4.5-7.0 ล้านคน คาดการณ์เมื่อต้นเดือนธันวาคม 2563) อย่างไรก็ดี แม้คาดว่าตลาดคนไทยเที่ยวในประเทศปี 2564 นี้ น่าจะอยู่ที่ประมาณ 90-120 ล้านคน-ครั้ง ซึ่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีที่ผ่านมา แต่ยังไม่สามารถทดแทนการหายไปของรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งมีส่วนสร้างรายได้ให้กับธุรกิจโรงแรมและที่พักกว่า 5.0 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 70% ของรายได้ท่องเที่ยวในส่วนของโรงแรมและที่พักทั้งหมด
ในระหว่างที่รอให้สถานการณ์ผู้ติดเชื้อคลี่คลายลงและการฉีดวัคซีนในต่างประเทศและไทยมีความก้าวหน้าสามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้นั้น โรงแรมที่จะประสบปัญหาหนัก คือ กลุ่มที่พึ่งพิงนักท่องเที่ยวต่างชาติสูง ที่มีข้อจำกัดในการแข่งขันและการสร้างรายได้ โดยหากเจาะเฉพาะกลุ่มที่ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วนนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าจะมีจำนวนไม่น้อยกว่า 4,000 ราย ที่กระจายไปที่ธุรกิจขนาดกลางและเล็กที่จดทะเบียน
แม้ที่ผ่านมา ภาครัฐมีมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อเหตุการณ์โควิดลากยาว ทำให้ผู้ประกอบการเผชิญกับความยากลำบากขึ้น จึงจำเป็นต้องหามาตรการเพิ่มเติมเพื่อบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจ โดยล่าสุดได้มีการผลักดันมาตรการ Asset Warehousing ที่น่าจะเป็นหนึ่งในทางออกสำหรับธุรกิจโรงแรม แต่ยังคงต้องรอความชัดเจนในหลายประเด็น ซึ่งบทสรุปของเงื่อนไขที่เกี่ยวข้อง จะเป็นตัวกำหนดการตอบสนองของผู้ประกอบการว่าจะเลือกเข้ามาตรการ Asset Warehousing เพื่อคงโอกาสในการทำธุรกิจโรงแรมของตนหรือไม่ โดยเปรียบเทียบกับไพ่อื่นๆ ที่มีอยู่ในมือปัจจุบัน รวมถึงกำหนดการมีส่วนร่วมของสถาบันการเงินในการดูแลลูกค้าภายใต้มาตรการดังกล่าวด้วยเช่นกัน
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น