ศูนย์วิจัยกสิกรไทยยังคงมีมุมมองที่ระมัดระวังต่อค้าปลีกในช่วงที่เหลือของปี 2564 โดยคาดว่า ยอดขายค้าปลีกทั้งปีจะยังหดตัวร้อยละ 2.0 เมื่อเทียบกับปีก่อน อย่างไรก็ตาม จุดที่ต้องจับตา คือ การฉีดวัคซีนในช่วง 2-3 เดือนจากนี้ (มิ.ย.-ก.ย.) รวมถึงไม่มีการระบาดระลอกใหม่ที่รุนแรงเกิดขึ้น ซึ่งคาดว่าจะมีผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในช่วงที่เหลือของปีโดยเฉพาะไตรมาส 4 และเมื่อบวกกับมาตรการของภาครัฐ เช่น มาตรการคนละครึ่ง เฟส 3 รวมถึงมาตรการเพิ่มเติมภายใต้ พ.ร.ก. เงินกู้ 5 แสนล้านบาท ทำให้มีความเป็นไปได้ว่ายอดค้าปลีกในภาพรวมปี 2564 อาจจะมีทิศทางที่ดีกว่าที่คาดไว้ โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าอาหารและของใช้จำเป็นในชีวิตประจำวัน (FMCG)
E-Commerce ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่คาดว่าจะขยายตัวได้ดีโดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลัง 2564 ซึ่งเป็นช่วงที่ผู้ประกอบการอัดแคมเปญต่างๆ ค่อนข้างมาก เพื่อกระตุ้นยอดขายส่งท้ายปี เช่น เทศกาล 11.11 และ 12.12 อย่างไรก็ดี การแข่งขันในแพลตฟอร์มดังกล่าวน่าจะรุนแรงขึ้นอีก จากจำนวนผู้เล่นในตลาดที่ยังคงเพิ่มขึ้น สวนทางกับจำนวนผู้บริโภคที่มีศักยภาพหรือมีกำลังที่จะจับจ่ายไม่ได้เพิ่มขึ้น ซึ่งท้ายที่สุดจะมีผู้ประกอบการทั้งที่อยู่รอดและแข่งขันลำบาก ขณะที่ค้าปลีก Modern trade ที่เน้นจำหน่ายสินค้าที่ไม่ใช่อาหาร (Non-food) โดยเฉพาะห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลีกเฉพาะในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า วัสดุก่อสร้าง ของตกแต่งบ้าน น่าจะยังไม่ฟื้นตัวต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า นอกจากการเร่งกระจายวัคซีนเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคและทำให้ธุรกิจสามารถกลับมาดำเนินกิจการได้แล้ว ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ผู้ประกอบการอาจจะเผชิญกับความท้าทายในเรื่องของต้นทุนธุรกิจหรือราคาสินค้าที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งโดยปกติธุรกิจการค้าในลักษณะซื้อมาขายไปดูเหมือนไม่น่าจะถูกกระทบ แต่ในยามที่สถานการณ์ไม่ปกติ กำลังซื้อผู้บริโภคเปราะบาง การแข่งขันด้านราคาสูง และผู้ประกอบการมีมากราย การจะผลักภาระต้นทุนที่สูงขึ้นทั้งหมดไปยังผู้บริโภคเป็นไปได้ยาก ดังนั้น การปรับตัวโดยการลดมาร์จิ้นด้วยการทำการตลาด/โปรโมชั่นต่างๆ เพื่อให้มีกระแสเงินสดเข้ามาหล่อเลี้ยงกิจการ รวมถึงมาตรการที่ช่วยบรรเทาทั้งฝั่งผู้บริโภคและผู้ประกอบการของภาครัฐยังเป็นสิ่งจำเป็นภายใต้สถานการณ์ที่ยากลำบากในการดำเนินธุรกิจ
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น