ปี 2565 ไทยอาจมีความเสี่ยงต้องเผชิญอุปทานข้าวในประเทศที่ตึงตัวมากขึ้น จากจุดเปลี่ยนสำคัญคือ ราคาปุ๋ยที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์จากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ทำให้ผลผลิตข้าวลดลง ขณะที่ในฝั่งของอุปสงค์คาดว่าจะกระเตื้องขึ้นตาม Pent Up Demand โดยเฉพาะการส่งออกข้าวที่ดีขึ้น จะยิ่งกดดันอุปทานข้าวที่เหลือในประเทศให้ลดลง นับเป็นความเสี่ยงด้านอุปทานข้าวไทยในภาวะที่โลกเกิดสงครามและสถานการณ์ยังมีความไม่แน่นอนสูง ซึ่งภาพอุปทานที่ตึงตัวมากขึ้นนี้ คงไม่ได้เกิดขึ้นเพียงระยะสั้นเท่านั้น
มองต่อไปข้างหน้า คาดว่า ในปี 2566 ภาพของความเสี่ยงที่ไทยจะมีอุปทานข้าวตึงตัวน่าจะยังคงอยู่ ตามสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่อาจลากยาว ดันราคาปุ๋ยเคมีให้ยังยืนสูงต่อเนื่อง ภาวะ Climate Change ที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น รวมถึงราคาข้าวที่แม้จะปรับตัวสูงขึ้นแต่ยังคงเคลื่อนไหวอยู่บนฐานที่ต่ำ อาจไม่จูงใจให้เกษตรกรขยายการผลิตมากนัก ผนวกกับสต๊อกข้าวไทยที่มีแนวโน้มลดลง ล้วนกดดันผลผลิตข้าวให้ลดลง และน่าจะยังไม่สามารถกลับไปสู่ระดับการผลิตที่สูงเช่นเดิมได้ในระยะสั้น ขณะที่ในฝั่งอุปสงค์แม้จะให้ภาพที่ไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก สะท้อนผ่านการส่งออกข้าวที่ยังคงอยู่บนฐานต่ำจากการแข่งขันในตลาดโลกที่รุนแรง แต่ด้วยผลผลิตที่ลดลง จะทำให้ไทยมีโอกาสเสี่ยงที่จะมีอุปทานข้าวเหลือในประเทศที่ตึงตัวมากขึ้น อีกทั้งราคาข้าวอาจปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องจากปีก่อนตามต้นทุนการผลิตที่ยังยืนสูงต่อเนื่อง
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น