ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2565 ทาง ศบค. เปิดประเทศรับชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวได้ตามปกติ โดยยกเลิกการลงทะเบียนผ่าน Thailand Pass และยกเว้นเงินประกันสุขภาพ ซึ่งเป็นปัจจัยบวกสำคัญต่อการท่องเที่ยวของไทย หลังจากที่ได้รับผลกระทบจากโควิดที่ยาวนาน และการเปิดประเทศครั้งนี้ นับว่ามีความสำคัญอย่างมาก ซึ่งในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 จะเป็นฤดูการท่องเที่ยวสำคัญที่นักท่องเที่ยวต่างชาติมักจะเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยค่อนข้างมาก และหากทางการสามารถควบคุมสถานการณ์โดยไม่เกิดการระบาดของโควิด-19 ในวงกว้างอีกได้ จะส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวในพื้นที่ในระยะถัดไป
จากปัจจัยบวกดังกล่าว ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยในปีนี้น่าจะมากกว่าที่คาด โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 นี้ น่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศประมาณ 5.0 ล้านคน เติบโต 160.0% จากในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 ส่งผลทำให้ทั้งปี 2565 นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยน่าจะมีจำนวน 7.2 ล้านคน (จากเดิมที่คาดว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยทั้งปีจะมีจำนวน 4.0 ล้านคน) สร้างรายได้คิดเป็นมูลค่าประมาณ 4.05 แสนล้านบาท โดยนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกกลับมาเป็นแรงขับเคลื่อนตลาดต่างชาติเที่ยวไทยในช่วงที่เหลือของปี 2565 ขณะที่ทั้งปี 2565 นักท่องเที่ยวจากประเทศอินเดียคาดว่าจะมีจำนวนมากเป็นอันดับ 1
แต่เนื่องจากสถานการณ์ต่างๆ ยังมีความไม่แน่นอนสูง นอกจากสถานการณ์โควิดที่อาจมีผลต่อมาตรการต่างๆ ของทางการแล้ว ความเสี่ยงจากสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ทำให้นักท่องเที่ยวจากภูมิภาคยุโรปมีความท้าทายมากขึ้น ด้วยสถานการณ์ระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยังไม่มีท่าทีที่จะคลี่คลาย มาตรการคว่ำบาตรเศรษฐกิจรัสเซีย ทำให้การฟื้นตัวของตลาดนักท่องเที่ยวจากรัสเซียและยุโรปตะวันออกในช่วงที่เหลือของปีคงจะได้รับผลกระทบ ขณะที่ตลาดนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นในภูมิภาคยุโรปก็คงต้องติดตามสถานการณ์สงครามพลังงานที่เกิดขึ้นระหว่างรัสเซียและประเทศในยุโรปอย่างใกล้ชิด
นอกจากนี้ ในหลายประเทศทั่วโลกกำลังเผชิญกับราคาพลังงานปรับตัวสูงขึ้นและภาวะเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้น ทำให้ภาระรายจ่ายในชีวิตประจำวันปรับตัวสูงขึ้นตาม จึงอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและการตัดสินใจเดินทางยังต่างประเทศของนักท่องเที่ยวได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ได้
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น