ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า แม้ไทยจะต้องเผชิญปัญหา Supply Disruption จากโควิด-19 ในระยะสั้น แต่ในปี 2564 มูลค่าการส่งออกมังคุดสดของไทยอาจอยู่ที่ราว 540-560 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือขยายตัวร้อยละ 14.6-18.8 (YoY) จากแรงผลักด้านราคาส่งออกเป็นสำคัญ และแม้อินโดนีเซียจะเข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาดในจีนมากขึ้น แต่ไทยจะยังสามารถครองส่วนแบ่งตลาดในจีนไว้ได้เป็นอันดับ 1 ด้วยความได้เปรียบด้านราคาที่ถูกกว่า ทำเลที่ตั้งอยู่ใกล้จีนทำให้การขนส่งสะดวก/มีความสดใหม่ได้คุณภาพ รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ และความเชี่ยวชาญในตลาดผลไม้ของไทยในจีน แต่คงต้องจับตาประเด็นผลผลิตมังคุดของอินโดนีเซียที่อาจเร่งตัวขึ้นได้อีกในระยะข้างหน้า
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า โจทย์เฉพาะหน้าในการแก้ปัญหา Supply Disruption ที่แม้จะเป็นผลกระทบในระยะสั้น แต่ก็นับว่าเป็นบทเรียนสำคัญจากมังคุดให้กับพืช/ผลไม้ชนิดอื่นในการปรับตัวเพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานเก็บเกี่ยวในฤดูกาลถัดไป ซึ่งคงต้องมีการวางแผนรับมือถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้อีกเพื่อไม่ให้ซ้ำรอยเดิม โดยภาครัฐจะมีบทบาทสำคัญที่ต้องเข้ามาร่วมส่งเสริมและจัดสรรแรงงานอย่างเป็นระบบ ด้วยการสนับสนุนต้นทุนการผลิตในส่วนของแรงงาน รวมไปถึงการให้ทักษะในการเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตรในแต่ละพื้นที่ได้อย่างเหมาะสม
ขอบคุณภาพจาก Shutterstock.com
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น