ท่ามกลางกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ยังไม่ฟื้นตัว อีกทั้งยังมีสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 และปัจจัยที่คาดไม่ถึงอย่างการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาในจีนที่สร้างความกังวลต่อทุกภาคส่วนนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา นับเป็นโจทย์ท้าทายของผู้จัดงานวิ่งในปี 2563 นี้พอสมควรในการที่จะดึงดูดฐานนักวิ่งทั้งนักวิ่งประจำและนักวิ่งหน้าใหม่ที่มีกำลังซื้อให้ยังคงเข้าร่วมกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากการที่นักวิ่งเองก็มีทางเลือกของการออกกำลังกายที่หลากหลายขึ้น ขณะที่จำนวนผู้จัดงานก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ในปี 2563 ธุรกิจจัดงานวิ่งน่าจะมีเม็ดเงินหมุนเวียนเป็นมูลค่าราว 1,700 ล้านบาท จากจำนวนนักวิ่งที่เข้าร่วมกิจกรรมรวม 4-6 ล้านคน และจำนวนงานวิ่งทั้งปีที่น่าจะใกล้เคียงกับปีก่อน หรือไม่ต่ำกว่า 1,800 รายการ โดยงานส่วนใหญ่คงจะถูกจัดขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังภายใต้สมมติฐานที่สถานการณ์ความกังวลต่อเชื้อไวรัสโคโรนาคลี่คลายลงในช่วงครึ่งปีแรก และกว่าร้อยละ 80 ของการจัดงานทั้งปีจะเป็นงานวิ่งในต่างจังหวัด
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เห็นว่า การยกระดับการจัดงานวิ่งจากประเภททั่วไป ไปสู่งานวิ่งระดับชาติตามมาตรฐานสากล น่าจะเป็นแนวทางหนึ่งที่ธุรกิจรับจัดงานวิ่งที่มีศักยภาพไม่ควรมองข้าม โดยแม้จะมีความท้าทายมิใช่น้อย เพราะผู้ประกอบการจำเป็นต้องมีความพร้อมในทุกๆ ด้าน โดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยีและมาตรฐานต่างๆ ที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล รวมทั้งการได้รับการสนับสนุนจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง แต่ขณะเดียวกัน หากสามารถดำเนินการได้ ก็จะเป็นการเปิดโอกาสทางธุรกิจได้อีกมาก รวมถึงจะส่งผลบวกต่อธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องทั้งทางตรงและทางอ้อมด้วย
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น