ในการประชุม FOMC วันที่ 25-26 ก.ค. นี้
คาดว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีกร้อยละ 0.25 มาอยู่ที่ 5.25-5.50%
หลังจากที่เฟดส่งสัญญาณผ่าน Fed Dot Plot ในการประชุม FOMC เดือนมิ.ย.
ว่าเฟดมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 2 ครั้งในปีนี้
โดยแม้ว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนมิ.ย. 2566 ลดลงอย่างต่อเนื่องมาอยู่ที่
3.0%YoY แต่ก็ยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าเป้าหมายที่ 2.0% อย่างมีนัยสำคัญ
ขณะที่
อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานและดัชนีราคาพื้นฐานจากรายจ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล
(Core PCE) ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง
ส่งผลให้เป้าหมายของเฟดในการควบคุมเงินเฟ้อนั้นยังไม่เสร็จสิ้น
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาล่าสุด
แม้จะเริ่มส่งสัญญาณลดความร้อนแรงลง แต่ตลาดแรงงานยังคงค่อนข้างแข็งแกร่ง
ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เฟดยังเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อในการประชุมที่จะถึงนี้
ท่ามกลางความเป็นไปได้ที่เฟดอาจนำพาเศรษฐกิจสหรัฐฯ ไปสู่ Soft Landing
หรือการที่อัตราเงินเฟ้อปรับลดลงโดยเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ไม่เข้าสู่ภาวะถดถอยนั้นมีมากขึ้น
อย่างไรก็ดี
ตลาดมองว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมที่จะถึงนี้อาจเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายในรอบวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นนี้
เนื่องจากเงินเฟ้อสหรัฐฯ มีทิศทางชะลอลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่
แม้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐฯ จะยังค่อนข้างแข็งแกร่ง
แต่ยังคงมีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ในไตรมาสถัดๆ
ไปอาจชะลอตัวลงจากไตรมาสก่อนหน้า
ส่งผลให้ตลาดส่วนใหญ่มองว่าเฟดอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งสุดท้ายในการประชุมวันที่
25-26 ก.ค. 2566 นี้ อย่างไรก็ดี ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า
ยังมีความเป็นไปได้ที่เฟดอาจเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อตามที่ได้ส่งสัญญาณไว้
ซึ่งขึ้นอยู่กับข้อมูลทางเศรษฐกิจใหม่ๆ ที่ออกมา
โดยเฉพาะหากเงินเฟ้อพื้นฐานและค่าแรงไม่ปรับลดลงเร็ว
และหากตลาดแรงงานยังไม่ลดความร้อนแรงลงเท่าที่ควร
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น