ในการประชุม FOMC วันที่ 13-14 มิ.ย. นี้ คาดว่าเฟดน่าจะคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 5.00-5.25% ด้วยมติที่ไม่เป็นเอกฉันท์ เพื่อรอดูแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อในระยะข้างหน้าหลังจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วในช่วงผ่านมา โดยแม้ว่าตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ยังอยู่ในระดับสูงและตัวเลขตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ยังคงค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่แนวโน้มเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่อ่อนแรงลงต่อเนื่อง ขณะที่ตลาดแรงงานเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวลง ท่ามกลางความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นจากปัญหาภาคธนาคารสหรัฐฯ ที่นำมาซึ่งภาวะสินเชื่อตึงตัว (credit tightening) ประกอบกับผลกระทบจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมาซึ่งคาดว่าจะเห็นผลกระทบต่อเศรษฐกิจจริงที่ชัดเจนขึ้นในระยะข้างหน้า เนื่องจากผลของนโยบายการเงินมักมีความล่าช้า (lag time) จะส่งผลให้เฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุม FOMC ที่จะถึงนี้ เพื่อรอดูเสียงสะท้อนจากตัวเลขเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ และภาคการเงินในระยะต่อไป
ทั้งนี้ ในการประชุม FOMC ที่จะถึงนี้ จะมีการเผยแพร่ประมาณการเศรษฐกิจและแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของเฟด ซึ่งจะสะท้อนมุมมองของเฟดต่อทิศทางนโยบายการเงินในระยะข้างหน้า อย่างไรก็ดี หากในระยะข้างหน้าทิศทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อต่างจากที่ประเมิน เฟดก็ยังมีความยืดหยุ่นที่จะปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินในระยะข้างหน้าได้ ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าแม้ว่าเฟดอาจมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุม FOMC ในวันที่ 13-14 มิ.ย. นี้ แต่เฟดยังคงไม่ปิดโอกาสในการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไปหากมีความจำเป็น โดยหากเงินเฟ้อกลับมาพุ่งขึ้นอีกรอบท่ามกลางความเสี่ยงจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่มีแนวโน้มผันผวน ก็มีความเป็นไปได้ที่เฟดอาจมีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายต่อในการประชุมครั้งต่อๆ ไปได้ อย่างไรก็ดี หากเงินเฟ้อมีทิศทางชะลอลงอย่างต่อเนื่อง คาดว่าเฟดอาจคงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 5.00-5.25% ไปจนถึงสิ้นปีนี้ โดย ณ ขณะนี้ตลาดส่วนใหญ่ยังไม่มองการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้หากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ไม่ได้ชะลอตัวลงรุนแรงกว่าที่ประเมินอย่างมีนัยสำคัญ
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น