เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2/2566 ขยายตัวต่ำกว่าคาดที่ 1.8% YoY ขณะที่เมื่อปรับฤดูกาลแล้วเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2/2566 ขยายตัวได้เพียง 0.2% QoQ จากไตรมาสที่ผ่านมา รวมครึ่งแรกของปีเศรษฐกิจไทยขยายตัว 2.2% YoY ทั้งนี้ ตัวเลข GDP ของไทยในไตรมาส 2/2566 มีปัจจัยกดดันหลักมาจากการส่งออกสินค้า การใช้จ่ายภาครัฐและการลงทุนภาครัฐที่ปรับตัวลดลง อีกทั้ง การลงทุนภาคเอกชนก็ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง สอดคล้องกับภาคส่งออกและความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาล อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2/2566 ยังคงได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนที่ยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้จ่ายของครัวเรือนรายได้ปานกลาง-สูง
เมื่อมองในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ปัญหาภัยแล้ง และโมเมนตัมการใช้จ่ายที่ชะลอลงคาดว่าเป็นปัจจัยกดดันเศรษฐกิจไทย ส่งผลให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ทั้งปี 2566 เศรษฐกิจไทยอาจโตต่ำกว่าที่ประเมินไว้ที่ 3.7% ลงมาอยู่ในกรอบการประเมินเบื้องต้นที่ 3.0-3.5% ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าการส่งออกไทยในปี 2566 มีแนวโน้มที่จะหดตัวลึกขึ้นกว่าประมาณการเดิม อันเป็นผลมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนที่อ่อนแรงกว่าที่เคยประเมิน นอกจากนี้ ปัญหาภัยแล้งอันเป็นผลมาจากปรากฏการณ์เอลนีโญคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อผลผลิตและรายได้ภาคเกษตร ขณะที่โมเมนตัมการใช้จ่ายภาคเอกชนมีแนวโน้มที่จะอ่อนแรงลงตามรายได้การเกษตรที่ลดลง ค่าครองชีพและหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ประกอบกับต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ดี หากการจัดตั้งรัฐบาลทำได้เร็วขึ้น ในภาพรวมก็น่าจะส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี นอกจากนี้ การฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยวคาดว่าจะยังคงเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ แม้ว่าจะความเสี่ยงจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่อาจเข้ามาน้อยกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ ทั้งนี้ ในภาพรวมทั้งปี 2566 ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ที่ในกรอบประมาณการเบื้องต้นที่ 3.0-3.5% ต่ำกว่าประมาณการเดิมที่ 3.7% โดยทิศทางเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปี 2566 ยังมีประเด็นท้าทาย ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังขยายตัวได้ต่ำกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น