การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่
หรือ โควิด-19
ทั่วโลกยังคงส่อเค้ารุนแรงและมีแนวโน้มที่จะยังไม่สามารถควบคุมได้ในระยะอันใกล้
ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกเผชิญความเสี่ยงเชิงลบสูงขึ้น และกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีนี้
ดังนั้น รัฐบาลและธนาคารกลางทั่วโลกจึงต่างออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งการเงินและการคลังเพื่อบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
ในวงเงินมหาศาล ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว
มาตรการการคลังจะเน้นไปที่การช่วยลดภาระรายจ่ายของครัวเรือนและธุรกิจ
ตลอดจนการประคองให้ครัวเรือนและธุรกิจยังคงมีรายได้เข้ามา
ในขณะที่มาตรการทางการเงินจะเน้นไปที่การเสริมสภาพคล่อง เช่น
การให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ และการผ่อนปรนภาระหนี้สิน
อนึ่ง
ตัวเลขของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากการให้ข่าวของทางการเป็นเพียงวงเงินที่ทางการระบุว่าจะนำออกมาใช้
ซึ่งบางมาตรการยังไม่มีการเปิดใช้หรืออัดฉีดจริง
และการใช้เงินจริงอาจต่ำกว่าวงเงินที่ระบุไว้
โดยส่วนหนึ่งเป็นเพียงการรับรองการปล่อยกู้ (Loan guarantees) ซึ่งอาจไม่ได้นำออกมาใช้จริงทั้งหมด
ขณะที่ มาตรการทางการเงินมักมีวงเงินค่อนข้างสูง ทั้งนี้เพราะฐานสินทรัพย์ทางการในระบบเศรษฐกิจมีขนาดใหญ่เช่นนั้น
ทำให้ไม่สามารถตีความผลลัพธ์ของมาตรการกระตุ้นจากเพียงตัวเลขได้ นอกจากนี้
จำนวนวงเงินอาจจะไม่ได้สะท้อนถึงประสิทธิผลของมาตรการกระตุ้นเสมอไป
ทั้งนี้
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่น่าจะยังไม่สามารถควบคุมได้ในระยะเวลาอันใกล้
ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกเผชิญความเสี่ยงเชิงลบที่สูงขึ้น
และมีแนวโน้มที่จะหดตัวอย่างรุนแรงในปีนี้ ดังนั้น
แม้ว่าหลายประเทศจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยวงเงินที่สูงกว่า 10% ของ GDP แต่ยังคงต้องติดตามประสิทธิผลของมาตรการต่อไป
โดยหากสถานการณ์ไม่ดีขึ้น
คาดว่าทางการคงพร้อมที่จะออกมาตรการเพิ่มเติมตามความจำเป็นในระยะข้างหน้า
โดยสรุป
การดำเนินมาตรการเพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ใช้เม็ดเงินจำนวนมหาศาลนั้น ท้ายที่สุดแล้วอาจจะไม่ช่วยให้เศรษฐกิจในหลายประเทศพ้นภาวะถดถอย
แต่อย่างน้อยก็ช่วยให้เศรษฐกิจหดตัวน้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับกรณีที่ไม่มีมาตรการใดๆ
มารองรับ และที่สำคัญมากไปกว่านั้น มาตรการต่างๆ
ที่นำออกมาใช้ในภาวะฉุกเฉินเช่นนี้ก็เพื่อช่วยให้กลไกทางเศรษฐกิจยังสามารถดำเนินต่อไปได้
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น