ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่าเฟดจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่
0.0-0.25% สำหรับการประชุมนโยบายการเงินที่จะมีขึ้นในวันที่ 28-29 กรกฎาคมนี้
โดยมองว่ามาตรการต่างๆ
ที่ได้ดำเนินการไปแล้วน่าจะเพียงพอที่จะรองรับเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ที่มีแนวโน้มอ่อนแรงและน่าจะใช้ระยะเวลายาวนานในการฟื้นตัว
อย่างไรก็ดี
หากเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มทรุดตัวลงไปมากกว่าและยาวนานกว่าที่คาดการณ์ไว้
เฟดก็ยังพอมีทางเลือกในการทำนโยบายเพิ่มเติม โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า
มีความเป็นไปได้ที่เฟดอาจจะใช้นโยบายการควบคุมเส้นอัตราผลตอบแทน (yield curve
control) ขณะที่เฟดน่าจะหลีกเลี่ยงการใช้นโยบายดอกเบี้ยติดลบ
หากยังไม่มีความจำเป็น ทั้งนี้ นโยบาย yield curve control จะช่วยให้เฟดสามารถรักษาอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลให้อยู่ในระดับต่ำต่อไปในระยะข้างหน้า
โดยเฟดไม่จำเป็นต้องเพิ่มการเข้าซื้อสินทรัพย์มากเกินควร อันจะส่งผลต่อความยั่งยืนทางการคลัง
เนื่องจากการที่ธนาคารกลางเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลอีกนัยหนึ่งหมายถึงการที่รัฐบาลก่อหนี้มากขึ้นผ่านการออกพันธบัตร
อย่างไรก็ดี
อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลในปัจจุบันก็ยังอยู่ในระดับต่ำทั้งพันธบัตรระยะสั้นและระยะยาว
อีกทั้ง เฟดได้ส่งสัญญาณว่าจะไม่มีการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในอนาคตอันใกล้
จึงส่งผลให้ยังไม่มีความจำเป็นในการใช้นโยบาย yield curve control เพื่อควบคุมเส้นอัตราผลตอบแทนในปัจจุบัน นอกจากนี้ การนำนโยบาย yield
curve control มาใช้อาจก่อให้เกิดผลเสีย เช่น
จะทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยอาจปรับสูงขึ้นในอนาคต
ซึ่งจะขัดแย้งกับสิ่งที่เฟดต้องการจะส่งสัญญาณ อีกทั้ง
อาจจะก่อให้เกิดการบิดเบือนกลไกราคาในตลาดพันธบัตร ขณะที่ประสิทธิผลของนโยบาย yield
curve control ก็ยังไม่เห็นผลแน่ชัดในประเทศที่มีการนำนโยบายนี้มาใช้อย่างเช่นญี่ปุ่น
และออสเตรเลีย ดังนั้น
เฟดคงต้องพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อนนำนโยบายนี้ออกมาใช้
โดยสรุป
แม้ว่าเฟดจะยังมีทางเลือกในการดำเนินนโยบายการเงินเพิ่มเติม
แต่ประสิทธิผลของนโยบายการเงินจะลดลงเรื่อยๆ จึงอาจจะทำให้ต้นทุนส่วนเพิ่มสูงกว่าผลประโยชน์ที่จะได้รับ
ดังนั้น เฟดคงต้องพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อน
โดยปัญหาเศรษฐกิจในปัจจุบันเกิดจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคที่ยังไม่ดีขึ้นเป็นหลัก
ทำให้การออกนโยบายการเงินเพิ่มเติมอาจเป็นการแก้ปัญหาไม่ตรงจุดเท่าใดนัก
และอาจไม่ได้ช่วยกระตุ้นภาคเศรษฐกิจจริงเท่าที่ควร
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น