เศรษฐกิจไทยไตรมาส 3/2563 หดตัวดีกว่าที่ตลาดคาดที่ -8.0% YoY โดยกิจกรรมทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 ที่ฟื้นตัวดีส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความต้องการที่สะสมมาจากช่วงก่อนหน้าหลังจากมีการผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ในหลายประเทศรวมถึงไทย ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 4/2563 คาดว่าจะยังหดตัวอยู่ใกล้เคียงกับไตรมาสที่ 3 ท่ามกลางมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายครัวเรือนของภาครัฐเป็นปัจจัยสนับสนุน โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2563 มีแนวโน้มหดตัวไม่ต่ำกว่า -7.0%
ทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2564 ยังคงเผชิญปัจจัยความไม่แน่นอนหลายประการ ได้แก่ 1. สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดรุนแรงขึ้นมากในสหรัฐฯ และยุโรป และนำมาสู่การใช้มาตรการล็อกดาวน์อีกรอบในหลายประเทศในยุโรป ในขณะที่การเข้าถึงวัคซีนในระดับประชากรโลกว่าจะเกิดขึ้นไม่เร็วไปกว่าช่วงปลายปี 2564 2. เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังมีความเสี่ยงสูง โดยการเปลี่ยนผ่านการบริหารประเทศของสหรัฐฯ อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของวิกฤตโควิดในสหรัฐฯ ในขณะที่การดำเนินมาตรการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคยังอยู่ภายใต้อำนาจบริหารของประธาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะหมดวาระบริหารอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มกราคม 2564 นอกจากนี้ ผลการเลือกตั้งของสหรัฐฯ มีความเป็นไปได้สูงว่า พรรครีพลับลิกันจะยังครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาไว้ได้ ซึ่งทำให้การผ่านร่างกฎหมายต่างๆ โดยเฉพาะแผนกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่จะทำได้ยาก และ 3. ความไม่แน่นอนที่เศรษฐกิจไทยยังต้องเผชิญไม่ได้ลดลง ทั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกท่ามกลางการระบาดของไวรัสที่ยังควบคุมไม่ได้ และอาจจะมีผลกระทบต่อแผนการเปิดรับนักท่องเที่ยงต่างชาติของไทยในปีหน้าให้อยู่ในวงจำกัดมากกว่าที่วางแผนไว้ ทิศทางค่าเงินบาทที่แข็งค่าส่งผลกระทบต่อรายได้จากการส่งออก ซึ่งปัจจัยที่มากระทบรายได้จากต่างประเทศดังกล่าวจะมีผลกลับมายังการจ้างงานในประเทศที่ลดลง และกระทบการใช้จ่ายครัวเรือนรวมไปถึงคุณภาพของสินเชื่อในระบบการเงิน นอกจากนี้ยังมีประเด็นความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ยังเป็นประเด็นต่อเนื่องไปยังปีหน้า
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น