เหลืออีกเพียงหนึ่งเดือนก็จะจบปี 2565 ที่ถือว่าเป็นปีที่เศรษฐกิจไทยผ่านพ้นจุดต่ำสุดหลังจากได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ติดต่อกันหลายปี ซึ่งในหลักการแล้ว การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจควรจะเป็นปัจจัยหนุนการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริง บรรยากาศการลงทุนในปีนี้กลับค่อนข้างผันผวน โดยเฉพาะสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงกว่าปกติ อย่างเช่น คริปโทเคอร์เรนซี ซึ่งขยายวงผลกระทบไปสู่ผู้เล่นในระบบนิเวศ (Ecosystem) อย่างเช่นแพลตฟอร์ม หรือโบรกเกอร์ขนาดใหญ่ที่เกี่ยวข้อง
ในฝั่งความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงของนักลงทุนไทย ก็ดูเหมือนว่าจะได้รับผลกระทบตามไปด้วย สะท้อนจากความถี่ในการค้นหาคำว่า “บิทคอยน์” “ลงทุนหุ้น” รวมถึงกองทุนรวมที่ลดลง ตามลำดับ ขณะที่ คำค้นว่า “ฝากเงินดอกเบี้ยสูง 2565” กลับมีทิศทางเพิ่มสูงขึ้น นอกเหนือจากนั้น ความสนใจยังกระจายไปที่หุ้นกู้ภาคเอกชนด้วยเช่นกัน สอดคล้องกับปริมาณหุ้นกู้เอกชนที่มีปริมาณการออกเพิ่มสูงขึ้นในปีนี้
ด้านผู้ประกอบธุรกิจในตลาดทุนและตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลไทย ต่างก็ได้รับผลกระทบจากปริมาณการทำธุรกรรมของนักลงทุนในประเทศที่ลดลงด้วยเช่นกัน โดยฝั่งกองทุนรวม จะเห็นได้จากการปรับตัวลดลงของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิในภาพรวมที่ปรับตัวลดลง ขณะที่ฝั่งโบรกเกอร์ในตลาดหุ้น นอกจากจะสะท้อนผ่านกำไรสุทธิที่ปรับตัวลดลงในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ก็ยังเห็นมูลค่าการซื้อขาย (Turnover) ของนักลงทุนทั่วไปในตลาดหุ้นไทยที่ต่ำลงจากปีก่อน ส่วนตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล กิจกรรมที่คึกคักลดลงนี้สะท้อนผ่านการปรับตัวลดลงของมูลค่าการซื้อขายในตลาดเช่นกัน ซึ่งปรากฏขึ้นตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2565 ที่เริ่มมีข่าวลบหนาตาขึ้นในต่างประเทศ
สำหรับบทเรียนส่งท้ายปี 2565 การลงทุนหรือเก็งกำไรในคริปโทเคอร์เรนซี ก็ต้องใส่ใจเรื่องโมเดลธุรกิจ การกำกับดูแล ธรรมาภิบาล ของตัวคริปโทเคอร์เรนซี แพลตฟอร์ม หรือผู้ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องเพื่อที่จะได้ไม่ถูกหลอกหรือสูญเงินลงทุนเหมือนกรณีต่างประเทศ ขณะที่นักลงทุนมือใหม่ควรมองหา ‘คุณค่า’ ของสินทรัพย์ ศึกษาข้อมูลทุกอย่างให้รอบด้าน ติดตามและประเมินสถานการณ์ที่อาจกระทบตลาดการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ ไม่ใช่เลือกทำเฉพาะครั้งแรกที่ลงทุนเท่านั้น เพราะสภาพแวดล้อมการลงทุนในยุคดิจิทัลเปลี่ยนแปลงเร็วมาก
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น