ธุรกิจบัตรเครดิต น่าจะปิดสิ้นปี 2561 ด้วยภาพการเติบโตที่ดีเช่นเดียวกับกันสินเชื่อรายย่อยประเภทอื่นๆ ขณะที่ สถานการณ์การแข่งขันของตลาดบัตรเครดิตธุรกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปียังคงอัดแน่นไปด้วยสีสันของแคมเปญและโปรโมชั่นพิเศษ จากฝั่งผู้ประกอบการที่เป็นธนาคารพาณิชย์และนอนแบงก์ เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายผ่านบัตรในช่วงไฮซีซั่นของฤดูกาลจับจ่ายใช้สอยของประชาชน
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ทำการสำรวจพฤติกรรมของผู้ใช้บัตรเครดิตในกรุงเทพฯ และปริมณฑล พบว่า ผู้ถือบัตรเครดิตซึ่งมีแผนใช้จ่ายเป็นกรณีพิเศษรับช่วงวันหยุดยาวและเทศกาลปีใหม่ช่วงปลายปี วางแผนการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตของตนสูงกว่าปกติประมาณ 1.8-2.5 เท่า ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยหนุนให้ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตโดยรวมของธนาคารพาณิชย์และนอนแบงก์ เติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 12% ในปี 2561 เร่งขึ้นจาก 6.0% ในปี 2560 ขณะที่ ยอดคงค้างสินเชื่อทั้งระบบ อาจเติบโตต่อเนื่องที่ประมาณ 7.0% แม้แรงหนุนจากมาตรการช้อปช่วยชาติในช่วงปลายปี 2561 จะมีรายละเอียดของมาตรการที่แตกต่างไปจากช่วง 2 ปีก่อนก็ตาม
เมื่อต่อภาพไปในปี 2562 แม้ผู้ถือบัตรเครดิตส่วนใหญ่ประมาณ 71.2% ในผลสำรวจพฤติกรรมผู้ใช้บัตรเครดิตโดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย จะประเมินว่า แผนการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตของตนในปี 2562 ไม่น่าจะน้อยลงไปกว่ายอดการใช้จ่ายผ่านบัตรในปี 2561 อย่างไรก็ดี มุมมองอีกด้านหนึ่งจากผู้ถือบัตรเครดิตประมาณ 28.8% ของผู้ตอบแบบสอบถาม เริ่มสะท้อนภาพที่ระมัดระวังมากขึ้น โดยเหตุผลหลักๆ จะมาจากความกังวลต่อรายได้ในอนาคต ต้องการรัดเข็มขัด และมีภาระค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพิ่มขึ้นตามลำดับ
สำหรับแนวโน้มในปี 2562 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ยอดคงค้างสินเชื่อบัตรเครดิตของธนาคารพาณิชย์ อาจจะยังประคองการเติบโตในปี 2562 ไว้ที่ประมาณ 7.0% ใกล้เคียงกับปี 2561 ขณะที่ ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต อาจเติบโตประมาณ 8.0% โดยจะยังคงเห็นกลยุทธ์การแข่งแคมเปญ/โปรโมชั่นอย่างเข้มข้น ทั้งเพื่อขยายฐานลูกค้า เพิ่มความประทับใจในการใช้บัตรเครดิต ตลอดจนกระตุ้นการใช้วงเงินในบัตรเครดิต
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น