Display mode (Doesn't show in master page preview)

29 ธันวาคม 2563

Econ Digest

ครึ่งแรกปี 64 ต้นทุนก่อสร้าง...พุ่งต่อเนื่อง

คะแนนเฉลี่ย
​​ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าในปี 2563 ต้นทุนการก่อสร้างน่าจะเพิ่ม 1.03-1.33% ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการป้องกันโรคระบาดประมาณ 0.2-0.5% ต่อโครงการและจากสภาวะขาดแคลนแรงงานที่ส่งผลให้ค่าแรงงานเพิ่ม 0.83% ต่อโครงการ

สำหรับปี 2564 การยับยั้งการแพร่ระบาดยังทำให้ราคาวัสดุก่อสร้างผันผวน จากการขาดแคลนแร่เหล็กในบราซิลซึ่งเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ของโลก กอปรกับการที่จีนควบคุมการแพร่ระบาดได้เร็วและออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ทำให้ความต้องการเหล็กทั่วโลกสูงขึ้นและทำให้ราคาเหล็กสูงขึ้นตาม ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวน่าจะคลี่คลายในช่วงไตรมาส 2/2564 เพราะจีนได้ออกนโยบายเพื่อลดการขาดแคลนแร่เหล็กโดยอนุญาตให้นำเข้าเศษเหล็กเพื่อใช้ในการหล่อเหล็กควบคู่ไปกับการใช้แร่เหล็ก ดังนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ช่วงครึ่งแรกปี 2564 ต้นทุนการก่อสร้างน่าจะเพิ่มจากปี 2563 อีก 1.41-1.94% โดยมีสาเหตุหลักจากราคาเหล็กที่สูงขึ้น ซึ่งหากสถานการณ์ขาดแคลนแร่เหล็กดีขึ้น หรือมีการใช้วัคซีนอย่างแพร่หลาย ต้นทุนจากความผันผวนของราคาเหล็กและการขาดแคลนแรงงานอาจจะหายไป 

ทั้งนี้ ผู้รับเหมาควรประเมินต้นทุนและขั้นตอนการก่อสร้างที่สะท้อนต้นทุนที่สูงขึ้นในราคาประมูลงานในภายภาคหน้า อีกทั้ง ผู้รับเหมายังควรเตรียมกระแสเงินสดและแนวทางการทำงานรูปแบบใหม่ สำหรับการก่อสร้างโครงการในอนาคต โดยในระยะยาวอุตสาหกรรมก่อสร้างของไทยควรมีมาตรฐานการรับมือโรคระบาด และพิจารณาการใช้เทคโนโลยีที่ช่วยให้การก่อสร้างรวดเร็วขึ้น ลดความหนาแน่นของคนในไซต์งาน
















                                                                                                                                                                                        ​       ขอบคุณภาพจาก  Shutterstock.com​


Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น

Econ Digest