จากการตอบรับที่ดีของตลาดผู้ใช้รถจักรยานยนต์ต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงต้นปี 2551 ซึ่งส่งผลให้ปริมาณยอดขายรถจักรยานยนต์ในประเทศช่วง 5 เดือนแรกมีอัตราการขยายตัวที่สูงขึ้นถึงร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2550 โดยคาดว่าเป็นผลมาจากปัจจัยหนุนหลัก 2 ด้าน คือ ผลผลิตสินค้าเกษตร และราคาสินค้าเกษตรที่ปรับตัวสูงขึ้นมาก และจากปัจจัยราคาน้ำมันในตลาดโลกที่มีความผันผวนอย่างรุนแรง ทำให้ผู้บริโภคเกิดความวิตกต่อสถานการณ์ราคาน้ำมัน ประกอบกับรัฐบาลยังไม่มีทิศทางนโยบายพลังงานทางเลือกที่ชัดเจนเป็นรูปธรรม ประชาชนส่วนหนึ่งจึงหันไปซื้อรถจักรยานยนต์ซึ่งใช้เดินทางได้สะดวกในระยะใกล้ และสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายการเดินทางน้อยกว่า
ทว่าในช่วงต่อจากนี้ไปของปี 2551 อาจต้องเผชิญกับปัจจัยกดดันต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกำลังซื้อของผู้บริโภคหลักที่ลดลงทั้งจากราคาสินค้าเกษตรที่อาจปรับตัวลดลง และภาระต้นทุนการผ่อนชำระที่สูงขึ้นจากดอกเบี้ยเงินกู้ที่สูงขึ้น รวมไปถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันที่เริ่มลดความรุนแรงลง ซึ่งอาจจะจะมีผลทำให้ผู้บริโภคมีเวลาในการตัดสินใจเลือกและเปรียบเทียบคุณสมบัติของยานพาหนะที่เหมาะสมกับความต้องการใช้งานของตนมากขึ้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทยจึงคาดว่าด้วยปัจจัยต่างๆเหล่านี้น่าจะส่งผลให้ยอดขายรถจักรยานยนต์ครึ่งหลังปี 2551 มีแนวโน้มชะลอตัวลง และส่งผลให้โดยรวมทั้งปี 2551 ยอดขายในประเทศมีอัตราการขยายตัวที่ประมาณร้อยละ 7.7
ในสภาวะเช่นนี้ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์จำเป็นจะต้องพยายามพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตนไปสู่แนวทาง การประหยัดพลังงานที่มากขึ้นกว่าเดิมเพื่อกระตุ้นยอดจำหน่าย เช่น การพัฒนาระบบเครื่องยนต์ให้มีการประหยัดมากขึ้นและสามารถใช้พลังงานทางเลือกเช่นแก๊สโซฮอล์ได้หลากหลายมากขึ้น รวมไปถึงการพัฒนารถจักรยานยนต์ไฟฟ้า และพลังงานผสมระหว่างน้ำมันกับพลังงานไฟฟ้าที่มีคุณภาพได้มาตรฐานออกมา ซึ่งน่าจะเป็นคำตอบรับที่ดีสำหรับตลาดรถจักรยานยนต์ในอนาคตต่อไปได้
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น