ธุรกิจภาพยนตร์ในประเทศไทยในช่วงครึ่งแรกของปี 2551 อยู่ในภาวะที่ค่อนข้างซบเซาเนื่องจากภาพยนตร์แต่ละเรื่องทำรายได้ไม่ค่อยดีเท่าปีก่อน สำหรับทิศทางตลาดภาพยนตร์ในครึ่งหลังปี 2551 นั้นมีปัจจัยสนับสนุนหลายประการที่น่าจะทำให้ตลาดภาพยนตร์ในประเทศคึกคักมากขึ้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีหนังฟอร์มใหญ่เข้าฉายอย่างต่อเนื่อง และยังมีโรงภาพยนตร์แบบทันสมัยเปิดใหม่รองรับความต้องการชมภาพยนตร์ได้เพิ่มขึ้น รวมทั้งในแต่ละสัปดาห์มีการนำภาพยนตร์เข้าฉายเพิ่มขึ้น ประกอบกับจัดแคมเปญและการโปรโมทภาพยนตร์อย่างต่อเนื่อง จึงน่าจะช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีขึ้นให้แก่ตลาดภาพยนตร์ในครึ่งปีหลัง แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงจากเหตุการณ์วุ่นวายทางการเมืองส่งผลต่อการใช้บริการบันเทิงนอกบ้านในระยะสั้น ปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ยังประสบกับปัญหาเงินเฟ้อบั่นทอนอำนาจการจับจ่ายใช้สอย ปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่เข้ามากระทบธุรกิจภาพยนตร์ในประเทศ นอกจากนั้น การทำรายได้ของภาพยนตร์ที่เข้าฉายมีความผันผวนมาโดยตลอด ประกอบกับต้นทุนในการผลิตภาพยนตร์นั้นค่อนข้างสูง โดยเฉพาะภาพยนตร์ไทยฟอร์มใหญ่ที่จะต้องหาตลาดต่างประเทศรองรับ การแข่งขันที่สูงบีบให้การลงทุนต้องเพิ่มมากขึ้น ทั้งในด้านการผลิตภาพยนตร์และการทำการตลาดต่างๆ ทำให้ผู้สร้างภาพยนตร์ไทยต้องประเมินรายรับและการลงทุนของตนเพื่อมิให้ขาดทุน นอกจากนั้น ยังต้องพิจารณาการเข้ามาแข่งขันของภาพยนตร์ต่างประเทศ ซึ่งส่งผลต่อการลงทุนของภาพยนตร์ท้องถิ่นอีกด้วย
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น