ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าในปี 2551 มูลค่าตลาดของธุรกิจสถาบันกวดวิชาจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับ 5,900 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 6.8 โดยมีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงวิธีการรับเด็กนักเรียนเข้าศึกษาต่อในสถาบันการศึกษาภาครัฐ โดยเพิ่มการทดสอบความถนัดทั่วไป (GAT) และการทดสอบความถนัดทางวิชาการและวิชาชีพ (PAT) รวมทั้งการขยายกิจการทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด และการรวมกลุ่มกันเป็นศูนย์กวดวิชาของผู้ประกอบการที่มีชื่อเสียงต่างๆ ส่วนปัจจัยที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเห็นว่า จะส่งผลต่อการขยายตัวของธุรกิจสถาบันกวดวิชาโดยตรง ได้แก่ อัตราการแข่งขันเพื่อศึกษาต่อในสถาบันการศึกษาภาครัฐที่สูงอย่างต่อเนื่อง ค่านิยมของตลาดแรงงานที่ผลักดันให้เด็กนักเรียนต้องเข้าเรียนในคณะ และมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง โครงสร้างของระบบการสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่เปลี่ยนแปลงไป การเรียน และการสอนของแต่ละโรงเรียนมีมาตรฐานไม่เท่ากัน ทำให้เด็กนักเรียนต้องหาความรู้เพิ่มเติมจากสถาบันกวดวิชามากขึ้น
อุปสรรคสำคัญที่ส่งผลต่อธุรกิจสถาบันกวดวิชาที่ดำเนินกิจการอยู่ในปัจจุบัน คือ การเปลี่ยนแปลงหลักสูตรการเรียนการสอนในโรงเรียน และโครงสร้างของระบบการสอบเข้ามหาวิทยาลัยในรูปแบบใหม่ ส่งผลต่อการบริหารจัดการของผู้ประกอบการ ทั้งการจัดเตรียมการสอน เอกสารประกอบการเรียนต่างๆ ฯลฯ นอกจากนี้ ผู้สอนควรต้องมีจิตวิทยาในการเป็นผู้ให้คำปรึกษา และความช่วยเหลือที่ดีแก่เด็กนักเรียน ส่วนผู้ประกอบการรายใหม่ อาจจะต้องเผชิญหน้ากับปัญหาด้านต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น ผลตอบแทนจากการดำเนินงานที่ไม่มีความแน่นอน และการเข้าสู่ตลาดธุรกิจสถาบันกวดวิชาเป็นไปได้ยาก หากไม่มีชื่อเสียงที่สะสมมายาวนาน
การดำเนินธุรกิจของสถาบันกวดวิชาให้ประสบความสำเร็จนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องปรับปรุงเนื้อหาหลักสูตร ให้สอดคล้องกับระบบการสอบเข้ามหาวิทยาลัยรูปแบบใหม่ รวมทั้งต้องสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัว สร้างความสนุกสนานให้เกิดขึ้นในระหว่างการเรียน และพัฒนาการบริการด้านการเรียนการสอนให้ตรงกับความต้องการของเด็กนักเรียน โดยการนำเทคโนโลยีต่างๆมาเป็นส่วนสนับสนุนในการให้บริการควบคู่ไปด้วย
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น