บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด สำรวจ ;คนกรุงเทพฯกับการใช้บริการหมอดู” ในช่วงระหว่างวันที่ 1-9 ธันวาคม 2551 จากกลุ่มตัวอย่าง 1,569 คน โดยกระจายกลุ่มตัวอย่างตามเพศ อายุและอาชีพ ซึ่งจะเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้พฤติกรรมในการใช้บริการหมอดูมีความแตกต่างกัน ซึ่งเมื่อนำมาคำนวณจากจำนวนคนที่ใช้บริการหมอดู ความถี่ในการใช้บริการ และค่าใช้จ่ายเฉลี่ยในการใช้บริการ คาดว่าในปี 2551 ธุรกิจหมอดูและธุรกิจต่อเนื่องนั้นก่อให้เกิดเม็ดเงินสะพัดในธุรกิจถึง 2,550 ล้านบาท เมื่อเทียบกับในปี 2550 แล้วเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.0 โดยแยกเป็นธุรกิจหมอดูโดยเฉพาะทำให้เกิดเม็ดเงินสะพัดในปี 2551 ประมาณ 1,850 ล้านบาท เมื่อเทียบกับเม็ดเงินสะพัดในปี 2550 แล้วเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.7 นอกจากนี้ธุรกิจหมอดูยังก่อให้เกิดธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องตามมา เช่น ธุรกิจทำบุญ/สะเดาะเคราะห์ ธุรกิจหนังสือพยากรณ์ดวงชะตา รวมไปถึงธุรกิจสื่อสารประเภทอินเทอร์เน็ตและออร์ดิโอเท็กซ์ที่ให้บริการดูหมอ เป็นต้น โดยคำนวณได้ว่าในปี 2551 ธุรกิจหมอดูทำให้เกิดเม็ดเงินสะพัดในธุรกิจต่อเนื่องถึง 700 ล้านบาทใกล้เคียงกับในปี 2550
บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด คาดการณ์ว่าในปี 2552 ธุรกิจหมอดูจะยังคงได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยเม็ดเงินสะพัดในธุรกิจหมอดูน่าจะยังเติบโตอยู่ในเกณฑ์ต่ำ แม้ว่าความกดดันทั้งทางเศรษฐกิจและสังคมจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะความกังวลในเรื่องความไม่แน่นอนของรายได้และความมั่นคงของหน้าที่การงาน แต่คาดว่าบรรดาลูกค้าหมอดูปรับพฤติกรรม โดยบางส่วนหันไปพึ่งบริการหมอดูที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ลดความถี่หรือลดค่าใช้จ่ายต่อครั้งในการไปใช้บริการหมอดู
ประเด็นที่ต้องระมัดระวังมากขึ้นคือ การถูกหมอดูหลอกลวงโดยเรียกเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในธุรกิจทำบุญ/สะเดาะเคราะห์ หรือแม้แต่ทำเสน่ห์ โดยบรรดาหมอดูที่ดีมีจรรยาบรรณต่อวิชาชีพนั้นมีอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีมิจฉาชีพแฝงตัวอยู่ในธุรกิจหมอดูด้วย โดยอาศัยความเชื่อถือวิชาชีพหมอดูเพื่อเอารัดเอาเปรียบ ซึ่งก็มีข่าวคราวปรากฏในสื่อต่างๆอยู่เสมอ
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น