สถานการณ์ของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนในปี 2552 มีโอกาสที่จำนวนคนไข้ ทั้งคนไข้ในประเทศและคนไข้ชาวต่างชาติปรับตัวลดลง อันมีปัจจัยกดดันทั้งจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในประเทศที่ตกต่ำ ในขณะเดียวกัน ปัจจัยความขัดแย้งทางด้านการเมืองที่แม้ว่าจะเริ่มคลี่คลายและลดอุณหภูมิความขัดแย้งลงไปพอสมควร แต่ก็ต้องใช้ระยะเวลาฟื้นฟูสร้างความเชื่อมั่นของชาวต่างชาติพอสมควร ทำให้คนไข้ชาวต่างชาติบางส่วนชะลอการเดินทางมาไทย ทั้งนี้คาดว่า ในปี 2552 โรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ที่มุ่งจับตลาดลูกค้าคนไข้รายได้ปานกลาง-สูงรวมทั้งคนไข้ชาวต่างชาติในสัดส่วนที่สูง จะมีความยากลำบากในการทำตลาดมากกว่าโรงพยาบาลเอกชนขนาดกลาง-เล็ก ที่สามารถปรับไปให้บริการกลุ่มคนไข้ในประเทศที่ได้รับสวัสดิการด้านสุขภาพ โดยเฉพาะโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า และผู้ได้รับสิทธิจากโครงการประกันสังคม ซึ่งมีจำนวนรวมกันถึงประมาณ 56.4 ล้านคน
ในขณะเดียวกัน คนไข้ในประเทศที่เคยใช้บริการโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ บางส่วนจะหันมาใช้บริการโรงพยาบาลเอกชนขนาดกลางที่มีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย ดังนั้น โรงพยาบาลเอกชนที่เคยมีคนไข้ต่างประเทศเข้าใช้บริการในสัดส่วนที่สูง จำเป็นต้องหันมาเพิ่มสัดส่วนคนไข้ในประเทศมากขึ้นเพื่อเพิ่มรายได้ ในขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการโรงพยาบาลเอกชนควรใช้ช่วงเวลาที่จำนวนคนไข้มีแนวโน้มปรับลดลง ทำการปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ทั้งอาคารที่จอดรถ อาคารผู้ป่วย เครื่องมือทางการแพทย์ รวมทั้งการพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ เพื่ออำนวยความสะดวกและเตรียมความพร้อมรองรับจำนวนคนไข้ที่จะเพิ่มขึ้นภายหลังวิกฤตเศรษฐกิจคลี่คลายลง โดยเฉพาะคนไข้ชาวต่างชาติที่ยังคงนิยมและไว้วางใจใช้บริการธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนของไทย ด้วยข้อได้เปรียบด้านคุณภาพการรักษาพยาบาลและการให้บริการของบุคลากรทางการแพทย์ รวมทั้งอัตราค่ารักษาพยาบาลที่อยู่ในระดับต่ำกว่าคู่แข่งอาทิ สิงคโปร์ และฮ่องกง
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น