สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาในปัจจุบันยังไม่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ด้านการค้าระหว่างกัน เนื่องจากไทยและกัมพูชาไม่ได้ออกมาตรการปิดด่านการค้าชายแดนระหว่างกัน โดยคาดว่าหากความขัดแย้งสามารถคลี่คลายลงได้ก็ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อการค้าตามแนวชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา อย่างไรก็ตาม ถ้าหากความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาในปัจจุบันมีความรุนแรงขึ้นจนนำไปสู่การปิดด่านการค้าชายแดนระหว่างกัน คาดว่าอาจส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างไทยกับกัมพูชาที่มีมูลค่าราว 70 พันล้านบาทในปี 2551 โดยไทยที่เป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้ากับกัมพูชามาโดยตลอด น่าจะได้รับผลกระทบจากการส่งออกสินค้าของไทยไปกัมพูชาที่ต้องชะลอลง โดยผลกระทบจะขึ้นอยู่กับระยะเวลาของการปิดด่านชายแดนระหว่างสองประเทศ
อย่างไรก็ตาม หากความขัดแย้งระหว่างกันยืดเยื้อออกไปจนทำให้ทางการไทยและกัมพูชาดำเนินมาตรการรุนแรงอื่นๆ เพิ่มเติม รวมถึงการปิดด่านชายแดนที่มีระยะเวลายาวนานออกไป อาจส่งผลกระทบที่รุนแรงมากขึ้นต่อการส่งออกของไทยไปกัมพูชาและเป็นปัจจัยลบต่อโอกาสการขยายตลาดส่งออกของไทยไปกัมพูชาในระยะต่อไป แม้ว่าในปัจจุบันกัมพูชาพึ่งพาการนำเข้าสินค้าจากไทยค่อนข้างสูงเนื่องจากพรมแดนทางเหนือและตะวันตกเฉียงเหนือของกัมพูชาที่ติดกับไทย ประกอบกับกัมพูชาผลิตสินค้าเองไม่เพียงพอต่อความต้องการ ทำให้กัมพูชาจำเป็นต้องนำเข้าสินค้าโดยเฉพาะสินค้านำเข้าประเภทอุปโภคบริโภคต่างๆ และสินค้าที่ใช้ในภาคก่อสร้างและการผลิต เช่น น้ำมันสำเร็จรูป และปูนซีเมนต์ แต่คู่แข่งทางการค้าของไทยอย่างเวียดนามและจีนที่เข้ามามีบทบาททางการค้ากับกัมพูชามากขึ้น อาจเข้ามาแทนที่ส่วนแบ่งตลาดของไทยในกัมพูชาก็เป็นได้
โดยเฉพาะเวียดนามที่มีพรมแดนทางตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้ติดกับกัมพูชา และปัจจุบันกัมพูชานำเข้าสินค้าจากเวียดนามมีมูลค่าสูงเป็นอันดับที่ 2 รองจากไทย ส่วนจีน แม้จะไม่มีพรมแดนติดต่อกับกัมพูชา แต่ก็มีส่วนแบ่งในตลาดกัมพูชาสูงเป็นอันดับที่ 3 รองจากไทยและเวียดนาม ตามลำดับ และสินค้าส่งออกของจีนมีโอกาสขยายการส่งออกไปกัมพูชาได้มากขึ้น
เนื่องจากศักยภาพทางเศรษฐกิจของจีนและบทบาทของจีนที่เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาเส้นทางโลจีสติกส์และเส้นทางคมนาคมขนส่งในภูมิภาค อินโดจีนและอาเซียน ทำให้การส่งออกของจีนไปกัมพูชามีความสะดวกมากยิ่งขึ้น กล่าวได้ว่า สินค้าส่งออกของไทยที่ในปัจจุบันมีบทบาทสำคัญในกัมพูชาอาจต้องเผชิญปัจจัยท้าทายจากคู่แข่งสำคัญอย่างเวียดนามและจีนที่อาจเข้ามาแทนที่ส่วนแบ่งตลาดสินค้าไทยในกัมพูชาในระยะต่อไป หากความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชาในปัจจุบันมีความรุนแรงมากขึ้นจนอาจส่งผลให้ต้องดำเนินมาตรการเพิ่มเติมโดยปิดด่านการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา
นอกจากนี้ เนื่องจากกัมพูชามีการพึ่งพาการนำเข้าสินค้าจากไทยค่อนข้างสูง หากเกิดกรณีปิดด่านชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา อาจทำให้ผู้บริโภคในกัมพูชาหรือผู้นำเข้าสินค้าในกัมพูชาที่เคยพึ่งพาการนำเข้าสินค้าจากไทยผ่านทางชายแดนที่อยู่ติดกัน อย่างสินค้าอุปโภคบริโภคหรือสินค้าที่ใช้ในภาคการผลิต จำเป็นต้องหันไปนำเข้าสินค้าจากประเทศอื่นแทน ซึ่งอาจมีราคาสูงกว่าสินค้าจากไทย เนื่องจากต้นทุนการขนส่งที่สูงขึ้นตามระยะทางการขนส่งจากประเทศอื่นที่ไกลกว่า ซึ่งจะส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพของประชาชนชาวกัมพูชาปรับสูงขึ้น ขณะที่ภาคธุรกิจในกัมพูชาอาจได้รับผลกระทบจากต้นทุนวัตถุดิบ/สินค้าขั้นกลางที่สูงขึ้นด้วย
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น