อาเซียนนับเป็นกลุ่มประเทศที่มีปริมาณการใช้รถจักรยานยนต์ในหมู่ประชากรอยู่ในระดับสูง ทั้งนี้นอกจากตลาดอาเซียนจะมีประชากรรวมกันถึงประมาณ 600 ล้านคนแล้ว ด้วยเหตุผลอีก 2 ประการที่สำคัญทั้งเรื่องความไม่พร้อมของระบบขนส่งมวลชนในแต่ละประเทศ รวมถึงประชากรส่วนใหญ่ในภูมิภาคนี้ยังคงมีรายได้อยู่ในระดับต่ำ ทำให้รถจักรยานยนต์กลายมาเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งในการดำเนินชีวิตประจำวันของคนส่วนใหญ่ในภูมิภาค อุตสาหกรรมการผลิตรถจักรยานยนต์จึงก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญในหลายประเทศในกลุ่มอาเซียน ซึ่งไทยก็เป็นหนึ่งในฐานการผลิตรถจักรยานยนต์ที่สำคัญของภูมิภาค
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ปัจจุบันประเทศในกลุ่มอาเซียนได้เปิดเสรีการค้าต่อกันมากขึ้น ทำให้ความจำเป็นที่จะต้องลงทุนการผลิตรถจักรยานยนต์ในประเทศเพื่อลดต้นทุนด้านภาษีลดลง แนวโน้มการลงทุนจากบริษัทต่างชาติโดยเฉพาะญี่ปุ่น ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ผลิตที่มีส่วนแบ่งส่วนใหญ่ในตลาดรถจักรยานยนต์ในอาเซียน จึงมีโอกาสที่จะเปลี่ยนรูปแบบไปจากเดิม โดยมีแนวโน้มที่จะรวมฐานการผลิตไปยังแหล่งที่สามารถสร้างกำไรให้บริษัทได้สูงขึ้น ซึ่งลักษณะของฐานการผลิตที่นักลงทุนให้ความสำคัญ คือ การมีขนาดตลาดในประเทศที่ใหญ่ ทว่าตลาดรถจักรยานยนต์ในประเทศของไทยขณะนี้ เริ่มเข้าสู่ภาวะอิ่มตัว ทำให้โอกาสขยายตลาดในประเทศมีน้อย เมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งที่มีศักยภาพสูงกว่าในการขยายตลาดในประเทศ เช่น อินโดนีเซีย และเวียดนาม จึงทำให้ไทยอาจต้องหาแนวทางสร้างความน่าดึงดูดในด้านอื่นๆ สำหรับการลงทุนในอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ของไทย
แม้ว่าปัจจุบันไทยจะยังมีจุดแข็งสำคัญที่ทำให้ยังคงความเป็นฐานการผลิตที่น่าสนใจหนึ่งในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะความพร้อมของระบบสาธารณูปโภคที่เหนือกว่าคู่แข่ง และปัญหาด้านแรงงานที่น้อยกว่า ซึ่งไทยต้องพยายามรักษาจุดแข็งดังกล่าวและพัฒนาให้เหนือกว่าคู่แข่งยิ่งขึ้น ทว่าจุดอ่อนของไทยที่สำคัญ คือ ความไม่มีเสถียรภาพทางสังคมและการเมืองในปัจจุบัน ซึ่งมีโอกาสส่งผลกระทบที่สำคัญต่อความเชื่อมั่นนักลงทุนและการพัฒนาประเทศต่อไปในอนาคต ยังคงเป็นประเด็นสำคัญที่นักลงทุนคำนึงถึง และเป็นจุดอ่อนสำคัญที่ไทยยังด้อยกว่าประเทศคู่แข่งพอสมควร ดังนั้นภาครัฐและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจึงควรพยายามสร้างเสถียรภาพในสังคมและการเมืองให้เพิ่มสูงขึ้น เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นของนักลงทุนในระยะยาวต่อไป
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น