มหกรรมฟุตบอลโลก 2010 ครั้งนี้ อาจจะก่อให้เกิดเม็ดเงินโฆษณาสะพัดแรงกว่าฟุตบอลโลก 2006 เพราะนอกจากฐานที่ค่อนข้างต่ำมากในปีที่ผ่านมาแล้ว สถานการณ์ความไม่สงบในกรุงเทพฯก็เริ่มคลี่คลายลงสู่ภาวะปกติตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2553 เป็นต้นมา ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศก็เริ่มฟื้นตัวดีขึ้น อีกทั้งเจ้าของสินค้าต่างมีการใช้งบโฆษณาเพิ่มขึ้นเพื่อตอกย้ำแบรนด์ หลังจากที่ชะลอการใช้งบโฆษณาไปในช่วงก่อนหน้านี้ และในช่วงต้นปี 2553 สื่อโทรทัศน์หลายช่องได้ปรับขึ้นอัตราโฆษณาด้วย ส่งผลให้ในช่วง 5 เดือนแรกปี 2553 เม็ดเงินโฆษณาขยายตัวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 11.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และจากการสำรวจของศูนย์วิจัยกสิกรไทย เกี่ยวกับพฤติกรรมการติดตามฟุตบอลโลก 2010 ของคนกรุงเทพฯ ในระหว่างวันที่ 4-18 มิถุนายน 2553 ก็พบว่าคนกรุงเทพฯส่วนใหญ่ในสัดส่วนถึงร้อยละ 82.5 สนใจติดตามชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกครั้งนี้ และมีกลุ่มตัวอย่างคนกรุงเทพฯประมาณร้อยละ 24.8 ที่จะมีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเพื่อซื้อสินค้าในช่วงมหกรรมฟุตบอลโลก 2010 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จึงประเมินว่า เม็ดเงินโฆษณาในไตรมาส 2/2553 น่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 12.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยมีกระแสฟุตบอลโลก 2010 ที่ลงฟาดแข้งกันตั้งแต่วันที่ 11 มิถุนายน ถึง 11 กรกฎาคม 2553 เป็นปัจจัยสนับสนุนสำคัญในการกระตุ้นการใช้จ่ายงบโฆษณาผ่านสื่อของบรรดาสินค้าประเภทต่างๆในช่วงเวลาดังกล่าว ขณะเดียวกันทิศทางความต้องการสื่อโฆษณาน่าจะยังมีแนวโน้มสูงขึ้นได้อีกเมื่อเทียบกับปี 2552 จึงเป็นไปได้ว่าเม็ดเงินโฆษณาหมุนเวียนในปี 2553 อาจจะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 10 และแม้ว่าสื่อโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์จะยังครองใจแฟนบอลในการติดตามข่าวสาร แต่สื่อดิจิตอลก็มาแรงไม่ใช่น้อย ดังนั้น หากต้องการขยายฐานลูกค้าให้กว้างยิ่งขึ้น ผู้ประกอบการสินค้าและบริการต่างๆควรมีการกำหนดประเภทของกิจกรรมทางการตลาดผ่านสื่อต่างๆให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย เพื่อสร้างโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทั้งเพื่อรักษาฐานลูกค้าเก่าไว้ให้ได้มากที่สุด และเจาะกลุ่มตลาดใหม่ควบคู่กันไป
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น