ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า ในช่วงที่เหลือของปี 2553 ผลการดำเนินงานของธุรกิจค้าปลีกน่าจะมีแนวโน้มขยายตัวที่ดีขึ้น จนทำให้ภาพรวมของธุรกิจค้าปลีกในปี 2553 นี้ น่าจะขยายตัวอยู่ที่ประมาณร้อยละ 3-4 (ณ ราคาปี 2545) เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่หดตัวอยู่ที่ร้อยละ 4.2 ซึ่งนอกเหนือจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และความมีเสถียรภาพทางด้านการเมืองมากขึ้นแล้ว ในช่วงไตรมาสสุดท้ายนับเป็นช่วงฤดูแห่งการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นเทศกาลคริสต์มาสและเทศกาลปีใหม่ นอกจากนี้ ยังเป็นอีกช่วงหนึ่งที่คนไทยนิยมเดินทางท่องเที่ยว ทำให้ในช่วงนี้ผู้บริโภคจะมีการใช้จ่ายมากเป็นพิเศษ จึงเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่ผู้ประกอบการต่างต้องเร่งทำแคมเปญกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภค
สำหรับรูปแบบของธุรกิจค้าปลีกที่คาดว่าจะได้รับความนิยม หรือมีโอกาสในการขยายตัวทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ได้แก่ ร้านค้าปลีกขนาดเล็ก และธุรกิจค้าปลีกเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) เช่น คอมมูนิตี้มอลล์ เนื่องจาก ธุรกิจเหล่านี้ใช้พื้นที่ในการขยายสาขาไม่มากนัก อีกทั้งยังมีต้นทุนในการลงทุนไม่สูงเมื่อเทียบกับรูปแบบศูนย์การค้าหรือห้างสรรพสินค้า นอกจากนี้ ยังสามารถที่จะตอบสนองพฤติกรรมของผู้บริโภค โดยเฉพาะผู้บริโภคในต่างจังหวัดที่หันมาเน้นความสะดวกสบายและจับจ่ายซื้อสินค้าใกล้บ้านมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีประเด็นสำคัญต่างๆที่ผู้ประกอบการจะต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจาก อาจมีผลต่อการดำเนินธุรกิจได้ในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นอัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น การเคลื่อนไหวของธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่ หรือแม้แต่สถานการณ์ทางการเมือง เป็นต้น
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น