ธุรกิจคลังสินค้ามีแนวโน้มที่จะเติบโต จากปัจจัยหลายด้าน ทั้งจากแนวโน้มความต้องการจากการบริโภคภาคเอกชนที่คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 3.5-4.5 ในปี 2555 (สูงขึ้นจากร้อยละ 1.3 ในปี 2554) และการก้าวไปสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ซึ่งจะทำให้ความต้องการสินค้าและการขนส่งไปยังประเทศเพื่อนบ้านมีแนวโน้มขยายตัวสูงขึ้น ทำให้อุตสาหกรรมมีการปรับตัวเพิ่มฐานการผลิต ส่งผลให้ความต้องการคลังสินค้าสูงขึ้น อีกทั้งจากการวางแผนป้องกันความเสียหายจากน้ำท่วม โดยย้ายคลังสินค้าไปอยู่ในบริเวณที่ปลอดภัยจากน้ำท่วม โดยเฉพาะภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งส่งผลต่อราคาที่ดินปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ 5-10 เนื่องจากความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ในบริเวณดังกล่าวยังเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ต่อการลดต้นทุนโลจิสติกส์ เนื่องจากสะดวกต่อการขนส่งสินค้าไปยังท่าเรือแหลมฉบังที่จะมีการขยาย และก่อสร้างรถไฟทางคู่ ซึ่งการขนส่งเหล่านี้จะช่วยลดต้นทุนขนส่งสินค้าและยังเพิ่มช่องทางการค้าระหว่างประเทศให้สะดวกยิ่งขึ้น เพื่อพัฒนาโครงข่ายโลจิสติกส์ในประเทศ และรองรับการรวมกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 อีกทั้งในสาขาโลจิสติกส์ก็เป็นหนึ่งในสาขาเร่งรัดที่มีเป้าหมายเปิดเสรีมากขึ้นภายในปี 2556 ที่กำลังจะมาถึง
นอกจากนี้ ธุรกิจคลังสินค้ายังมีแรงหนุนจากปัจจัยหลายด้าน อาทิ แนวโน้มการเติบโตของความเป็นเมือง (Urbanization) ความต้องการพื้นที่เช่าคลังสินค้าที่เพิ่มขึ้น การฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมการผลิต อีกทั้งความต้องการสินค้าและบริการในภูมิภาคต่างๆ ที่เติบโตรวดเร็ว ไม่เฉพาะในแค่ตัวเมือง แต่ยังเป็นตามหัวเมืองสำคัญต่างๆ ในแต่ละภูมิภาค ซึ่งจะทำให้มีความต้องการจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าในบริเวณที่สำคัญต่อการคมนาคมในแต่ละภูมิภาค เพื่อใช้เป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญในการทำการค้าขายกับประเทศเพื่อนบ้าน จากการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานจากภาครัฐ และมูลค่าการค้าชายแดนเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยทั้งหลายทั้งปวงที่กล่าวมานี้ นับเป็นสิ่งที่สนับสนุนให้ธุรกิจคลังสินค้าให้เช่ามีอนาคตค่อนข้างสดใส ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ธุรกิจให้บริการด้านคลังสินค้า (Outsource) น่าจะมีมูลค่าตลาดประมาณ 9,600 ล้านบาทในปี 2555 เติบโตร้อยละ 12.5 เมื่อเทียบกับมูลค่าตลาดที่ระดับประมาณ 8,300 ล้านบาทในปี 2554
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น