การใช้เงินหยวนในการชำระเงินค่าสินค้า นับว่าเป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้ประกอบการไทยที่ทำการค้ากับคู่ค้าจีน โดยที่ผ่านมาการชำระค่าสินค้านำเข้าและส่งออกด้วยสกุลเงินหยวนระหว่างไทยและจีนได้เพิ่มขึ้น จากไตรมาส 4 ปี 2553 ที่ 33.32 ล้านหยวน เป็น 209.07 ล้านหยวน ในไตรมาส 4 ปี 2554 หรือเพิ่มขึ้น 5.27 เท่า อย่างไรก็ดี การชำระด้วยสกุลหยวนก็ยังเป็นสัดส่วนต่อมูลค่าการค้ากับจีนที่น้อยเมื่อเทียบกับสิงคโปร์ หรือกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกอย่างไต้หวัน และเกาหลีใต้ จากการที่การใช้เงินหยวนในการชำระเงินยังเป็นเพียงระยะเริ่มต้นในไทยเท่านั้น
อย่างไรก็ดี การชำระเงินด้วยสกุลหยวนมีข้อดีคือ สามารถลดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนจากการชำระผ่านเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ และเป็นผลดีในแง่ของการสร้างเครือข่ายธุรกิจกับจีน รวมไปถึงยังเป็นประโยชน์กับผู้ส่งออกชาวจีนในการยกเว้นบางขั้นตอนของพิธีปฏิบัติศุลกากรในการส่งออก การรับเงินค่าสินค้า และการขอยกเว้นภาษีการส่งออก ทั้งนี้ แนวโน้มการชำระเงินด้วยสกุลหยวนของผู้ประกอบการไทยคาดว่าจะมีบทบาทมากขึ้นในอนาคต โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากทั้งบทบาททางเศรษฐกิจของจีน ทั้งการค้าการลงทุนที่มีมากขึ้น ความพยายามของรัฐบาลจีนในการผ่อนคลายการไหลเวียนเงินสกุลหยวน ประกอบกับความตื่นตัวของทั้งภาครัฐบาลไทย และธนาคารพาณิชย์ไทยในการให้บริการธุรกรรมสกุลหยวน ซึ่งน่าจะช่วยให้ภาคธุรกิจไทยได้รับความสะดวกในการชำระเงินด้วยสกุลหยวนมากขึ้น อย่างไรก็ดี ในปัจจุบัน การใช้เงินสกุลหยวนยังมีข้อจำกัดจากสภาพคล่องเงินหยวนนอกประเทศจีนที่ยังมีไม่มากนัก ประกอบกับการผ่อนคลายกลไกการไหลเวียนเงินหยวนยังอยู่ในระยะเริ่มต้น ส่งผลให้ส่วนต่างการซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนยังคงกว้าง และช่องทางการบริหารเงินหยวนยังมีไม่มากนักเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งนับเป็นปัจจัยท้าทายที่สำคัญ ที่ผู้ประกอบการควรคำนึงถึงในการพิจารณาหันมาใช้เงินสกุลหยวนชำระค่าสินค้า
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น