กระแสความน่าสนใจของทวีปแอฟริกาเริ่มกระเตื้องขึ้นในช่วงที่ผ่านมา จากการที่นายกรัฐมนตรีได้เดินทางเยือนสาธารณรัฐโมซัมบิก สหสาธารณรัฐแทนซาเนีย และสาธารณรัฐยูกันดาอย่างเป็นทางการเมื่อเดือน ส.ค. 2556 ที่ผ่านมา เป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการสานต่อความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ภูมิภาคให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น
ทวีปแอฟริกาอาจจะดูเป็นพื้นที่ห่างไกลสำหรับนักลงทุนชาวไทย แต่มีหลายปัจจัยที่เอื้อต่อศักยภาพในการดำเนินธุรกิจในพื้นที่แห่งนี้ โดยประเด็นสำคัญที่น่าสนใจในทวีปแอฟริกา ได้แก่ อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาคแอฟริกาที่อยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ สิทธิประโยชน์ทางการค้ากับประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ การขยายตัวของชนชั้นกลางที่บ่งชี้ถึงศักยภาพในการซื้อที่มากขึ้น รวมถึง นโยบายส่งเสริมการลงทุนที่เปิดกว้าง
จากการที่มีทรัพยากรธรรมชาติและสถานะที่เอื้อต่อการลงทุนข้างต้น แอฟริกาจึงได้รับการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ (FDI) เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเป็นที่น่าสังเกตว่า ประเทศในแถบเอเชียมีบทบาทสำคัญในการลงทุนในทวีปแอฟริกา โดยในปี 2554 มาเลเซียมีมูลค่าการลงทุนโดยตรงเป็นอันดับที่ 3 ของโลกรองจากฝรั่งเศสและสหรัฐฯและเป็นอันดับที่ 1 ของเอเชีย นำหน้าจีนและอินเดีย
มูลค่าการค้ารวมระหว่างไทยและแอฟริกาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยยอดส่งออกในปี 2555 มีจำนวน 255,536 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2554 จำนวน 21,850 ล้านบาทหรือร้อยละ 9.35 ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า ทั้งปี 2556 ยอดส่งออกจากไทยไปยังทวีปแอฟริกาจะขยายตัวประมาณร้อยละ 6.7 มูลค่ารวมประมาณ 272,577 ล้านบาท (คิดเป็นประมาณร้อยละ 4 ของมูลค่าการส่งออกรวมของไทย) ซึ่งนับได้ว่าเติบโตสูงกว่าตลาดในภูมิภาคอื่นๆ
นักลงทุนไทยยังมีศักยภาพในการเข้าทำตลาดในแอฟริกา ทั้งในแง่การค้าและการลงทุนจากจุดเด่นของทวีปแอฟริกาที่เอื้อต่อการขยายธุรกิจหรือเฟ้นหาวัตถุดิบจากทรัพยากรธรรมชาติที่มี นอกจากนี้ แอฟริกายังมีความได้เปรียบด้านปริมาณและค่าจ้างแรงงานและสิทธิพิเศษทางการค้ากับประเทศชั้นนำ ซึ่งเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยในการเลือกทวีปแอฟริกาเป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมเบาซึ่งใช้แรงงานเข้มข้น
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น